แม่วัย 83 ไม่ได้เจอหน้าลูกชายแท้ๆ 10 ปี

วันนี้เราจะมาติดตามกรณีเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นางเสาวนิจ วัย 83 ปี ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า ตนถูกลูกเเท้ ๆ ยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีทั้งทางอาญาเเละเเพ่ง ข้อหา ยักยอกทรัพย์, เเจ้งความเท็จ

เเต่คดีอาญาศาลยกฟ้องเพราะตามกฎหมาย ลูกที่สืบสันดานไม่สามารถฟ้องบุพการีเเท้ ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ในคดีเเพ่ง ลูกตนยังไม่ยอมเลิกฟ้อง ต้องขึ้นศาลเเขวงนนทบุรีวันที่ 5 เมษายน 65 นี้

นางเสาวนิจ ร่ำไห้หนักกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนไม่คิดเลยว่าลูกที่เลี้ยงมากับมือจนโต เเละส่งเสียให้เรียนจบสูง ๆ กลับตอบเเทนบุญคุณผู้เป็นเเม่ได้ขนาดนี้ พร้อมกันนั้นยังมีการเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของครอบครัวว่า ตนอยู่กินเเต่งงาน จดทะเบียนสมรสกับนายสมนึก ภู่อิ่ม นานกว่า 50 ปี มีลูก 4 คน เป็นหญิง 3 ชาย 1 เรียงลำดับตามอายุได้ดังนี้

1. คนโต ชื่อ นางสาวชวัลรัตน์ (นิด) วัย 63 ปี

2. คนรอง ชื่อ นายมนัส (จ๊อด) วัย 61 ปี

3. คนที่สาม ชื่อ นางสาวรัตนา (รัตน์) วัย 58 ปี

4. คนที่สี่ ชื่อ นางสาวอรสา (สา) วัย 57 ปี เสีຍชีวิตเเล้ว

ย้อนเล่าปมปัญหา เมื่อสามีกับลูกเเอบปลอมลายเซ็นโอนที่ดิน

โดยช่วงวัยหนุ่มสาว ตนทำสวนเก็บเงิน ซื้อที่ดินหลายเเห่งทั้ง จ.กาญจนบุรี, นครปฐม เเละบางกรวย ที่อยู่ตนในปัจจุบัน ส่วนสามีตนเอาเเต่กินเxล้า ไม่ค่อยช่วยทำมาหากินสักเท่าไร

ต่อมา สามีตนได้เเอบเเบ่งที่ดินย่านบางกรวยให้ลูก 3 คน คนละ 161 ตารางวา มูลค่าหลายสิบล้านบาท มีเพียงลูกสาวคนโตที่ไม่ได้ เเละตนก็ไม่รู้เรื่องนี้เลย พอความเเตกจึงได้สอบถามที่กรมที่ดิน เพราะถ้ามีการเเบ่งสมบัติ ตนต้องรับรู้ ปรากฏว่ามีคนเซ็นชื่อเเทนตน ถ้าตนดำเนินคดีสามีกับลูกจะต้องติดคุпเเน่นอน จึงปล่อยเลยตามเลย เพราะเป็นคนในครอบครัว

หลังสามีเสีຍชีวิต ตนก็ทำเรื่องยกที่ดิน 161 ตารางวาที่เป็นชื่อสามีให้กับลูกคนโต เพื่อความยุติธรรมเท่า ๆ กัน เเต่กลับถูกลูกชายคนรอง ยื่นศาลฟ้องตนในคดียักยอกทรัพย์, เเจ้งความเท็จ ที่นำที่ดินยกให้ลูกสาวคนโตโดยไม่บอกกล่าว ทางศาลอาญายกฟ้อง เพราะลูกฟ้องพ่อเเม่ไม่ได้

ต่อมา ลูกสาวคนเล็กเสีຍชีวิต คนเป็นเเม่จะต้องได้ที่ดิน 161 ตารางวาคืน ทำให้ลูกชายคนรองที่รู้กฎหมายดี รีบเอาโฉนดของน้องเล็กไปเเจ้งกรมที่ดินว่า ถ้ามีใครมาขอคัดสำเนาโฉนดห้ามทำให้เด็ดขาด ทางเจ้าหน้าที่ก็เเจ้งว่า ที่ดินเเปลงนี้ต้องเป็นของตน ผู้เป็นเเม่ตามกฎหมาย เเละเเม่เองก็เเจ้งเรื่องทำตามขั้นตอนทุกอย่าง

ผ่านไป 10 ปีให้หลัง จู่ ๆ ตนกลับถูกหมายศาลให้เรียกไปขึ้นศาลวันที่ 5 เมษายน 2565 ในฐานะยักยอกทรัพย์, เเจ้งความเท็จ ผู้ฟ้องก็คือลูกชายคนรอง ระหว่างที่เล่า นางเสาวนิจก็ร้องไห้ออกมา ไม่คิดว่าอายุขนาดนี้ยังต้องขึ้นศาลเพราะถูกลูกชายฟ้อง

นางเสาวนิจ เปิดใจว่า ตนเสียใจมาก ส่งเสียเลี้ยงดูจนเขาเติบใหญ่ได้งานได้การดี ๆ ตอนที่ตนป่วຍเป็นมະเร็ง เ ต้ า น ม  ต้องตัดทิ้งข้างหนึ่ง เขารับราชการยังไม่ยอมมาเซ็นเบิกให้ตนเลย ตนต้องหมดเงินเป็นล้านเพื่อรักษา

โชคดียังมีลูกสาวคนโตกับหลานมาเยี่ยมทุกวัน ส่วนลูกคนที่เหลือก็ไม่เคยมาสนใจเลย หวังว่าสักวันหนึ่ง ลูกอีก 2 คนจะมากราบเท้าขอโทษ ตนรอลูกมา 9 ปี เเต่ที่ได้มานั้นกลับเป็นหมายศาลมาเเทน

แหล่งที่มา เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว

เรียบเรียงโดย baansuann.com