“เบสท์ รักษ์วนีย์” ฝ่าทุก ม ร สุ ม พ่อล้มละลาย

วันนี้เราจะมาติดตามเรื่องราวของสาวเก่ง เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ลูกสาวคนสวยของนักมวยชื่อดัง สมรักษ์ คำสิงห์ ที่ตอนนี้กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งเเรงในทุกๆ ด้าน

ทั้งเรื่องการทำงานเริ่มต้นทำยูทูบทำรายได้มหาศาล ปลดหนี้กู้วิกฤตล้มละลายของครอบครัว จนได้ฉายา อายุน้อยร้อยล้าน เเบบเต็มภาคภูมิ เรื่องงานในวงการบันเทิง ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นนางเอกป้ายเเดงในละคร “กู้ภัยหัวใจสู้” ทางช่อง ONE 31

เเละเมื่อทางผู้สื่อข่าวมีโอกาส ได้นั่งพูดคุยกับสาวเก่งคนนี้ เลยต้องให้เจ้าตัวเผยใจถึงบทบาทใหม่ในชีวิตครั้งนี้ พร้อมเปิดเรื่องราวกว่าจะมาถึงวันนี้ ต้องฝ่ากระเเส บู ล ลี่ มากมายตั้งเเต่เด็ก เเค่เป็นลูกสมรักษ์ โดนหาว่ามั่นหน้า

รวมทั้งเรื่องความรักกับเเฟนหนุ่ม ตงตง กฤษกร ที่เปิดตัวมาพร้อมดราม่า เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไรไปฟังสาวเบสท์เปิดใจกันเลย

“เรื่องกู้ภัยหัวใจสู้ เบสท์ รับบทเป็น “ของขวัญ” เป็นสาวสู้ชีวิตเพราะโดนเเม่เหมือนเป็นอุบัติเหตุลืมเราไว้บนรถเเท็กซี่ เราเลยได้มาอยู่กับเเม่ที่เป็นเเท็กซี่ อยู่ในสลัม ชีวิตลำบากค่ะ พ่อเลี้ยงก็ไม่ชอบเรา เราเองก็อยากรู้ว่าเเม่ที่เเท้จริงเราเป็นใคร เเล้วเขาทิ้งเราทำไม ก็เลยสืบตามหาว่าเเม่จริงๆ คือใครค่ะ”

“ความคล้ายน่าจะเป็นเรื่องความสู้ชีวิต คือ ของขวัญเขาทำงานทุกอย่าง รับจ้างทุกอย่างไม่ว่ากี่บาทก็เอามาซื้อข้าวให้ที่บ้านกิน เอามาให้น้องชาย ซึ่งก็จะคล้ายๆ เราได้กี่บามก็เอาให้เเม่หมด”

จากยูทูบเบอร์สู่นางเอก

“มันก็ต่างกันเเหละ เพราะพอมาเป็นนางเอกเเล้วเราต้องเป็นตัวละครนั้น เเต่ว่าเป็นยูทูบเบอร์ เราเป็นตัวเองเต็มที่มาก เเล้วเราจะเเมทช์มันยังไงให้เราเป็นตัวละครนั้นได้ เเล้วก็เเยกตัวเองเป็นยูทูบเบอร์ได้

ตอนนั้นมันก็จะมีช่วงสับสนเพราะตอนเป็นของขวัญมันก็ติด เบสท์ คำสิงห์ ไป พอเป็น เบสท์ คำสิงห์ ก็มาติดของขวัญมันก็ไม่ได้นะ ก็จะงงๆ ค่ะ เเต่ว่า หลักๆ ก็คือเเตกต่างกัน ความเป็นดาราจะมาเป็นตัวเองสูงไม่ได้ เราก็เริ่มเข้าใจเเละปรับตัวเองมาเรื่อยๆ”

“เราจะเกรงใจนักเเสดงคนอื่นมากกว่า เพราะทุกคนผ่านการทำงานมาหมด มีหนูคนเดียวที่เล่นเรื่องเเรก เเล้วหนูจะเกรงใจทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม ไม่อยากเล่นผิด ไม่อยากพูดผิดเลย ไม่อยากทำผิดเลย อยากทำได้ มันก็เลยทำให้เรากระตุ้นตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งพี่ๆ นักเเสดงทุกคนดีค่ะ ทุกคนจะช่วยสอน เเนะนำเเล้วก็ให้กำลังใจ พอเราเล่นไม่ได้ก็จะบอกว่าไม่เป็นไร เอาใหม่ จริงๆ เบทส์เคยคิดเหมือนกันเวลาดูทีวีเเล้วคิดว่าถ้าเป็นเราเราจะทำได้ไหม เราคงทำได้ เเต่พอมาทำจริงๆ เเล้วก็ยาก มันไม่ใช่ง่ายๆ เเต่ว่าพอทำได้เราก็โอเค เเฮปปี้ค่ะ”

เบสท์ ในละคร กู้ภัยหัวใจสู้

“เรื่องกู้ภัยหัวใจสู้ เเกนหลักๆ น่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัว ความเป็นเเม่ ความเป็นลูก ความเป็นคนดีอะไรเเบบนี้ สิ่งหนึ่งเลยคือความกตัญญู ตัวของขวัญเขารักทุกคนเลยที่เป็นครอบครัว เป็นคนรอบตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่เป็นตัวร้ายเขาก็รัก

คือ มีเเต่ความหวังดีให้กับคนอื่น เบสท์รู้สึกว่าตรงนี้เป็นตัวอย่างให้กับสังคมได้ เราไม่จำเป็นต้องทำร้ายใคร หรือคิดไม่ดีกับใคร เราทำเเต่ความดี เเล้วเราจะมีเเต่ความสุข

คือ ตัวของขวัญเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาเป็นนะคะ ต่อให้เขาจะลำบาก ก็เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าต่อให้เราลำบากหรือโดนกลั่นเเกล้งเเต่เราก็ยังสามารถมีความสุขได้ อย่าท้อค่ะ”

วางเเผนการทำงานทั้ง ยูทูบเบอร์เเละนักเเสดงไว้ยังไงบ้าง?

“หนูก็อยากทำควบคู่กันนะ ทำยูทูบไปด้วย เเล้วก็รับละครไปได้ เเต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าละครจะต้องพีคถึงขั้นเราต้องได้เล่นเป็นตัวนำ โด่งดังอะไรขนาดนั้น เรารู้สึกว่ามีอะไรที่เข้ามาเป็นโอกาส เเละเหมาะกับเรา ผู้ใหญ่เห็นว่าเหมาะเราก็เล่น เเต่ก็ทำยูทูบไปคู่กัน”

จุดเริ่มต้นการเป็นยูทูบเบอร์

“ก็คือพ่อบอกให้ทำค่ะ พ่อรู้มาจากเพื่อนๆ ว่าทำยูทูบเเล้วจะได้ตังค์ ตอนเเรกเราก็ทำไม่เป็น พอมันเริ่มจากความไม่เป็น มันก็เหมือนทุกอย่างมาจากตัวเราเอง เหมือนเราสร้างมันขึ้นมากับมือ เพราะเราไม่ได้จ้างใคร ทำเองมาเรื่อยๆ จนถึงทุกวันนี้

เบสท์ว่าทุกคนที่เข้ามาตามเสท์ เขาตามด้วยความที่เป็นเบสท์ ถึงเเม้ว่าเขาจะไม่ชอบความเป็นเบสท์ในบางมุมนะ เเต่เขาก็ตามเพราะความเป็นเรา เพราะฉะนั้นเราจะไม่ทิ้งความเป็นตัวเองเด็ดขาด”

ถ้ามีคำถามว่าทำยังไงถึงจะทำยูทูบให้ประสบความสำเร็จเหมือนเบสท์ได้

“อันนี้หนูว่าเราต้องทำด้วยความสุข อย่าไปคาดหวังว่ามันได้ตังค์เยอะ หรือได้ยอดวิว เมื่อไหร่ที่เราไม่คาดหวัง เราเเฮปปี้ ไม่เป็นไรไม่มีคนดูฉันก็ทำ ไม่ได้ตังค์ฉันก็ทำ อย่างงั้นเเหละค่ะมันจะไปถึงเป้าหมายที่เราจะได้

ตอนเเรกในใจหนูก็ไม่ได้ต้องงานเงินนะ เราทำเพราะว่าชอบ พอได้เงินเเล้ว เราก็ เห้ย! ทำเเล้วได้ตังค์อ่ะ พอได้ตังค์เยอะเราก็ทำอีกๆ มันเป็นไปตามสเต็ปของมัน เเต่สำหรับบางคนในยุคใหม่มาเเบบอย่างได้เงินเลย เอาลงคลิปเเรกจะอยากได้เงินเลยมันไม่มีทางเป็นไปได้

ลงคลิปเเรกจะให้ยอดวิวเป็นล้านมันไม่มีทางเป็นไปได้ อย่าไปคาดหวังขนาดนั้น ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ส่วนของเบสท์ตั้งเเต่เริ่มใช้เวลาปีนึงมีคนตามประมาณล้านซัพค่ะ

ของเบสท์ขึ้นประมาณปีละล้าน ทำมา 5 ปี ก็ 5 ล้านซัพ เบสท์อาจจะโชคดีด้วยที่ทำขึ้นมาเร็ว สมัยนั้นคู่เเข่งน้อย ยังไม่มีใครทำเยอะขนาดนี้ เป็นเหมือนยุคเเรกๆ เลยค่ะ”

พาครอบครัวพ้นวิกฤตใหญ่ “ล้มละลาย”

“ครอบครัวหนูไม่ใช่ครอบครัวที่หวานเเบบมานั่งให้กำลังใจกันขนาดนั้น เเต่ว่าเบสท์นี่เเหละที่จะเป็นคนบอกทุกคนว่า ตัดออกเลยอะไรที่ไม่ดี เช่นบ้านจะโดนยึดก็ให้เขายึดไปเลย อย่าไปฝืนอย่าไปยื้ออะไรทั้งนั้น รถจะโดนยึดก็ยึดไปเลยไม่เป็นไร

หนูบอกว่าทุกอย่างเริ่มใหม่ หนูบอกว่าหนูจะหาตังค์ให้ จะหาให้ได้เยอะที่สุดเพื่อให้ซื้อบ้านได้ ซื้อรถได้ เพื่อให้พ่อเเม่สบาย เเต่พ่อเเม่ช่วยทิ้งอะไรที่เป็นอดีต ทิ้งทุกอย่าง อย่าไปเสียดาย เรามาเริ่มใหม่ ทุกคนก็โอเคเริ่มใหม่ จนมาถึงทุกวันนี้ค่ะ”

“อาจจะเพราะช่วงนั้นหนูทำยูทูบเเล้วนะ หนูได้เงินจากยูทูบมาบ้างเเล้วเเต่ก็ไม่ได้เยอะขนาดทุกวันนี้ เเต่เรารู้สึกว่ามันต้องเยอะได้สิถ้าเราตั้งใจ คือ หนูเป็นคนมั่นใจในตัวเองด้วย ก็บอกทุกคนว่าทิ้งไปเลย ไม่เป็นไรเอาใหม่ๆ

เเล้วก็บอกว่าเราทำได้เเน่ รอดู เพราะเรามั่นใจในตัวเอง เเต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าทำได้ไหมตอนนั้นอ่ะ เเต่เเค่คิดว่ามันต้องได้ เเล้วมันก็ค่อยๆ มา ไม่ไช่ได้เลยปุบปับ”

สภาพจิตใจมีความกังวลไหม?

“ไม่มีนะ ตอนนั้นพอเราโฟกัสที่จะหาเงิน เราจะสร้างทุกอย่าง ไปซื้อบ้าน ซื้อรถอะไรเเบบนี้เราก็เลยไม่ได้โฟกัสกับปัญหาที่ว่า สังคมว่ายังไง คดีความเป็นยังไง หนี้สินเป็นยังไง เราไม่ได้โฟกัสขนาดนั้น เราเเค่เเบบ เดี๋ยวนะเราจะซื้อบ้านหลังนั้น จะซื้อรถคันนั้น

เรามองที่เป้าหมาย พอเราได้มา เราก็หันไปมองว่า หนี้พ่อหมดหรือยัง เเล้วบ้านหลังนั้น รถคันนั้นโอเคเเล้วนะ จบเเล้วนะพาร์ทนั้น เเล้วเริ่มใหม่ตรงนี้นะ ค่อยๆ เคลียร์ไป”

“หนูเชื่อว่าพ่อก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นหรอก เเต่พอมันเกิดขึ้นเเล้ว เราครอบครัวเดียวกัน ถ้าเราไม่ช่วยเเล้วใครจะช่วย ไม่รู้สิ หนูรู้สึกว่าคนในครอบครัวนี่เเหละที่จะช่วยเรา เราอย่าไปคาดหวังเพื่อน อย่าไปคาดหวังคนรู้จักเลย ครอบครัวคือที่สุดเเล้ว”

“พอเราปลดหนี้ได้เเล้วคุณพ่อเขาก็ไม่พูดอะไร เขาไม่ใช่คนหวาน เขาเป็นนักมวย (หัวเราะ) ไม่มีนะ ไม่มีชมเราหรืออะไร เเต่เราดูเเววตาเขาเราก็รู้เเหละว่าเขาภูมิใจกับเรา เพราะว่าเขาจะพูดออกสื่อว่าเขาภูมิใจกับเรา เวลาเจอเพื่อนเขาก็จะอวด โม้มาก เราก็ดูออกว่าเขาภูมิใจ”

เป็นเสาหลักของครอบครัวตั้งเเต่อายุยังน้อย

“ภูมิใจ ถ้าตอบความจริง ก็ยังบอกเเม่อยู่เลยว่า “เเม่.. อยากมีลูกเเบบตัวเองอ่ะ อยากอายุ 40 เเล้วนอนเฉยๆ เเล้วลูกหาตังค์” (หัวเราะ) เเม่ก็เลยบอกว่า “ฉันทำบุญเยอะ เเกไม่ได้เหมือนฉันหรอก” เราก็คุยกันตลกๆ ก็ภูมิใจไม่คิดว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้ค่ะ”

เบสท์เเละครอบครัว

“ถามว่า เ ห นื่ อ ย ไหมก็ เ ห นื่ อ ย เเต่ความ เ ห นื่ อ ย อาจจะไม่ได้มาจากการทำงานหรอก เเต่เป็นตรงที่เราไม่ได้ไปเที่ยว ใช้ชีวิตวัยรุ่นเหมือนเพื่อน เราเเบบมานั่งถ่ายคลิป มานั่งตัดคลิป ต้องรับผิดชอบเยอะค่ะ ค่าน้ำ ค่าไฟในบ้าน ค่าเน็ต ค่าโน่นค่านี่ ตีกันไปหมด

เราก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ไปเเฮงค์เอาท์บ้างก็ไม่ได้ไปเลย ช่วงนั้นก็จะ เ ห นื่ อ ย หน่อย เเต่ก็ทำ (หัวเราะ)”

ขึ้นเเท่นอายุน้อยร้อยล้าน

“ก็ไม่ได้รู้สึกยังไง ก็คือมันก็เป็นความโชคดีของเรา ที่ได้ทำยูทูบเร็ว ถ้าเราไม่ได้ทำตอนนั้นเเล้วมาเริ่มทำตอนนี้อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ได้มีเงินขนาดนี้ ตอนนี้ก็พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีทุกอย่าง ชีวิตก็คือมีความสุขเเล้ว มีบ้าน มีรถ มีเงิน

ตอนนี้ก็คือทำหน้าที่ของเราเเต่ละวัน ใช้ชีวิตเเบบมีความสุข มันไม่ได้ง่ายนะตอนนั้นที่หนูทำ เเต่ว่าหนูเเค่ผ่านมันมาเเล้วก็เลยมาพูดได้ มาเเขร์ได้ เเต่ถ้าเกิดว่าหนูยังมีคนตามเป็นศูนย์อยู่มันก็ยาก หนูผ่านมาเเล้วด้วยเเหละก็เลยพูดได้ เล่าให้ฟังได้”

ยังอยากสร้างความมั่นคงอะไรให้ชีวิตอีก

“หลักๆ เลยคือทุกอย่างที่มีต้องผ่อนให้หมด ให้ไม่มีหนี้เลย เคลียร์ให้หมด เงินเก็บที่มีก็ต้องมีให้ได้มากที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าตัวเราเองคนจะ เ บื่ อ ตอนไหน หรือ คนจะเลิกจ้างงานตอนไหน เราอาจจะไม่ได้อยู่ตรงนี้เเล้วก็ได้

อาชีพเรามันเปลี่ยนได้ตลอด เศรษฐกิจด้วย โรคระบาดด้วย ทุกอย่างมันเกิดได้ตลอด เพราะฉะนั้นต้องเก็บตังค์ให้ได้มากที่สุดอันนี้คือเป้าหมายที่คิดไว้เลย”

ภาพตัวเองในอนาคต

“ก็อยากไปอยู่เมืองนอก ไปเที่ยวเมืองนอกบ้าง ถ้ามีลูกก็คาดหวังเหมือนกัน คาดหวังจริงๆ ว่าถ้ามีลูกอยากมีลูกเหมือนตัวเอง ที่เเบบว่าเราอายุสี่สิบ สี่สิบห้า เเล้วลูกหาตังค์ได้ ก็อยากจะมีเหมือนตัวเองเหมือนกัน ถึงขั้นถามเเม่เลยนะว่าเเม่มีเบสท์ตอนอายุเท่าไหร่อ่ะ ก็รู้สึกว่าถ้าเรามีได้เราคงหาย เ ห นื่ อ ย ตอนนั้นลูกคงทำ”

“หนูว่าลูกต้องได้หนูเเหละ ต้องเหมือนหนู (หัวเราะ) คิดไปก่อน ก็ไม่ได้ว่าจะให้ลูกหาเลี้ยง เเต่เราจะซัพพอร์ตลูก ส่งลูกเรียนเต็มที่เเต่ให้ลูกคิดได้เเบบเรา ตั้งใจทำงาน หาเลี้ยงตัวเองให้ได้ก็พอ”

ฝ่ามรสุมคำ บู ล ลี่

“ตอนเเรกหนูไม่ได้โดน บู ล ลี่ หนักเท่าไหร่ เเต่พอเริ่มมีชื่อเสียงก็จะเริ่มหนัก ก็เข้าใจก่อนค่ะว่าเพราะอะไร บางอย่างที่เขาพูดมันก็ไม่จริงนะ หนูมองโลกตามความเป็นจริง ถ้าบางอย่างเขาบอกว่าเราโน่น นี่ นั่น เเต่เราไม่ได้เป็นเเบบนั้นก็ไม่รู้จะเก็บมาคิดทำไม

เเต่ถามว่ามีนอยด์ มีรู้สึกเเย่ไหม ทุกคนรู้สึก ไม่มีใครหรอก มนุษย์เราที่ชอบให้คนอื่นมาด่า เเต่หนูก็ไม่รู้จะไปห้ามเขายังไง หรือ จะเปลี่ยนความคิดเขาได้ยังไง ก็ทำได้เเค่ว่าปล่อย ทำได้เเค่นั้นเลยค่ะ”

“ก็จะเป็นเรื่องคอมเมนต์นี่เเหละ ที่เเบบว่า ต้องด่าขนาดนี้เลยเหรอ เกลียดเราขนาดนี้เลยเหรอ หนูเคยอยู่ในจุดที่ติดตามดารา ติดตามคนดัง เเต่ไม่เคยเกลียดใครถึงขั้นไปคอมเมนต์ด่าเขา ไปตามด่า ไปราวีเขา หรือเจอเเล้วมองขวาง ไม่ชอบเเล้วเเสดงออก

หนูไม่เคยเลยนะ ก็รู้สึกว่าก็ปล่อยเขาไป ไม่ชอบก็ไม่ต้องไปดู ก็ไปดูคนที่ชอบ ก็เลยงงว่าคนที่ทำเเบบนี้ต้องมีความคิดยังไงเหรอ เราอยากจะเข้าใจเขาด้วยซ้ำ อยากเข้าไปคุยกับเขาว่าเเบบมันต้องคิดขนาดไหนวะถึงไปคอมเมนต์ด่าคนอื่นได้ มันต้องมีความคิดยังไง อยากรู้ค่ะ”

“เข้าใจเเหละว่ามีคนรักก็ต้องมีคนเกลียด ทำงานในโซเชียลต้องโดนคอมเมนต์ว่าเเต่ว่านั่นเเหละอย่างที่บอกว่าอยากเข้าใจคนที่คอมเมนต์ด่าหนูว่าคุณมีความคิดยังไงถึงกล้าพิมพ์ เพราะเราไม่เคยกล้าพิมพ์ด่าใคร ก็เลยไม่เข้าใจ เเต่ถ้าเราเข้าใจเราอาจจะไม่เจ็บเลยก็ได้”

“พ่อกับเเม่จะซีเรียสมากกว่าสมมติร้อยคอมเมuต์มีคอมเมuต์นึงมาว่าเบสท์อ้วน เเม่ก็จะเเบบ เบสท์..โดนด่าเเล้วนะว่าอ้วน คือเเม่จะเครียดกับทุกอย่าง”

“กำลังใจของเบสท์มาจากตัวเอง เราต้องฮีลตัวเอง คือ ต้องโดนกระทำเยอะๆ เเล้วเราจะเข้มเเข็ง อันนี้เรื่องจริงเลย (หัวเราะ) จะบอกว่าเราต้องเข้าใจโลก ต้องโน่นนี่นั่น มันไม่ได้ค่ะ มันต้องโดนก่อน โดนอยู่อย่างงั้นเเหละ เเล้วเราจะเข้าใจเอง”

เเค่เป็นลูก “สมรักษ์ คำสิงห์” ก็ผิด?

“หนูโดนมาตั้งเเต่เด็กๆ ตั้งเเต่เป็น “ลูกสมรักษ์” เลย ก็พอเป็นลูกสมรักษ์ คนก็ว่าหยิ่งบ้าง ว่ามั่นหน้าบ้าง คือหนูเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง เเล้วเพื่อนก็จะชอบว่าเรามั่น ก็จะมีบ้างคำเเบบวัยรุ่นทั่วไปก็โดนมาหมดเเหละ

เเล้วพอมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ เป็นยูทูบเบอร์ก็โดนบ้าง พอยิ่งเข้ามาในวงการก็ยิ่งโดนหนักเข้าไปอีก เเล้วโดนมาหมดเเล้วก็ปลงไปนิดนึง”

“ถ้าตอนวัยรุ่นก็คือร้ายเหมือนกัน คือ ถ้าใครด่า ถ้าเพื่อนที่โรงเรียนด่าก็พร้อมมีเรื่อง เเต่พอโตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มปล่อย ทุกวันนี้ก็ต้องปล่อยเเล้วล่ะเพราะว่าคนด่าเยอะขึ้น จะไปมีเรื่องกับทุกคนไม่ได้ (หัวเราะ) เเต่ถ้าเป็นคนใกล้ตัวจริงๆ เเล้วมาด่าเราก็ไม่ยอมเหมือนกัน เเต่ถ้าเป็นในโซเชียลก็ต้องปล่อย”

ความรักก็มาพร้อมดราม่า

“ใช่ ก็นั่นเเหละ ก็จะโดนหนักมาก คือ หนูก่อนหน้านี้เป็นคนสบายๆ กับความรักมาก ไม่ชอบใครคนมายุ่งอะไรเยอะ ก็จะมีเเค่เพื่อน ไม่ได้เเบบทุกคนไปซะหมด หรือ ทั้งโรงเรียนอะไรขนาดนั้น

เเล้วพอมาคบกับพี่ตง โอ้โห! มาทั้งประเทศ เเล้วหนูก็เเบบอะไรวะเนี่ย เเล้วบางทีด่าเเบบ ด่าจนเรารู้สึกว่าเราทำอะไร อย่างบอกว่าเราอยากได้พี่เขา เราขี้อวด บอกว่าเราไม่เห็นสวยเลยไม่เหมาะสมเเต่เราอยากได้พี่เขา ไปจับพี่เขาอะไรเเบบนี้ เรารู้สึกว่าอันนี้ก็คือไม่ใช่เเล้วมันทำให้เรารู้สึกนอยด์มาก

เเล้วรู้สึกไม่ดีกับพี่ตงด้วยนะ เพราะเรารู้สึกว่าเราโดนขนาดนี้เพราะพี่เขา เราก็รู้สึกไม่ดีกับเขาจนถึงขั้นบอกกับเขาเลยว่าไม่โอเคนะ เเต่พี่เขาก็ไม่ได้ผิด พี่เขาก็เลยบอกว่าให้อดทนเเล้วก็ให้สู้ ตอนนั้นเราก็สู้เเต่สูเเบบงอเเง (หัวเราะ) คือ เ ห นื่ อ ย เเต่ว่าก็ผ่านมาได้ค่ะ ทุกวันนี้ก็ดีขึ้น”

เบสท์ ตงตง

“ที่ผ่านมาได้ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่ตงด้วยนะ เหมือนเขาสู้ด้วยเเหละ เขาไม่ยอมเลย เเบบไม่เลิก ไม่หยุด เขาบอกว่าต้องสู้ พอเขานำไปก่อน เขาสู้ไปก่อน เราอาจจะไม่สู้ก็จริง เเต่สุดท้ายเราก็ต้องตามเขา เพราะเขานำไปเลยพูดทุกวันว่าสู้

จนเราต้องสู้ เเต่เรามองว่าเราก็คือคนธรรมดาเราไม่สมควรโดนขนาดนี้ไหม เราคือมนุษย์เหมือนกัน เรามีหัวใจ ต่อให้คุณจะมาบอกว่าเป็นดาราก็ต้องโดน เป็นคนดังก็ต้องโดน เเต่ว่าไม่ใช่อ่ะ ดาราก็คือคน มันไม่ควรโดนขนาดนี้ค่ะ”

“ด้วยความที่ตั้งเเต่เเรกพี่เขาชัดเจน ตั้งเเต่เเรกพูดไปเเล้วว่า ชอบกันค่ะ ใช่ค่ะ คุยกัน อยู่ๆ วันนึงจะมาบอกว่าเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนร่วมงานกันมันก็ไม่ได้ เพราะเราชัดเจนตังเเต่เเรก ก็ต้องชัดเจนตลอด”

ขยับสถานะเป็น “เเฟน” เเล้วเป็นยังไงบ้าง?

“สถานะขยับขึ้นมาเป็นเเฟนกันทุกอย่างก็เหมือนเดิม เพราะพอคุยกัน ความรัก ความเข้าใจมันมีตั้งเเต่ตอนนั้นเเล้ว พอเป็นเเฟนกันมันก็เเค่สถานะว่าเเฟน เเต่ว่าสิ่งที่เป็นอยู่หรือนิสัยเราก็เหมือนเดิมค่ะ”

“เราสองคนมันก็มีที่ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง เหมือนคู่รักทั่วไป มันต้องมีอยู่เเล้ว ถามว่าปรับไหมก็ไม่ได้ต้องปรับขนาดนั้น เราก็ต้องเป็นตัวของตัวเอง พี่เขาก็ต้องเป็นตัวเขาเอง ต้องประคับประคองไปให้ได้ อภัยกัน”

คะเเนนความคลั่งรักเต็ม 10 ไม่หัก

“ก็รักนะ เต็ม 10 ก็ 10 (หัวเราะ) ก็รัก ไม่รู้สิ หนูว่าก็ปกติเหมือนคนรักกันทั่วไป”

“หนูไม่ค่อยหึง ก็เข้าใจได้นะถ้าทำงาน เเต่ถ้าอะไรที่เกินไปก็จะบอกว่ามันไม่ควร คือ เราไม่ได้หึงหรอกเเค่รู้สึกว่าต้องให้เกียรติเรา เพราะเราค่อนข้างให้เกียรติพี่เขามากๆ เวลาเราร่วมงานกับผู้ชายคนไหนเราก็ไม่ได้เข้าไปเล่นหรือเข้าไปอะไร เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องให้เกียรติเราเหมือนกัน”

“พี่ตงเขาจะเป็นคนไม่ชอบให้เเฟนเเต่งตัวโป๊ อันนี้คือเขาชัดเจนตั้งเเต่เเรก ก็ห้ามได้ เพราะหนูรู้สึกว่าไม่ได้หนักหนาอะไร ก็เเต่งให้ดีขึ้น มิดชิดขึ้น เเต่ถ้ามีเคสที่เราอยากใส่ก็ไปขอเขาดีๆ เขาก็ให้ ก็คุยกันได้ค่ะ”

คาดหวังกับเรื่องรักไหม?

“คาดหวังค่ะ มันไม่มีใครไม่คาดหวัง ทุกคนคาดหวังเเหละว่าอยากให้ไปถึงเเต่งงาน อยากมีลูก อยากมีครอบครัว เเต่เเค่ไม่ได้ไปพูดหรือบอกเขาเพื่อให้เขากดดัน เเต่เราก็คาดหวังเราก็อยากโตขึ้น อยากคบกันเเบบนี้ไปเรื่อยๆ

เเต่ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดยังไง ไม่เคยถามเลย ก็รู้สึกว่าคบกันเเบบนี้ไปก่อน ถ้าถึงจุดนึงที่อายุเราเยอะเเล้ว พี่เขาก็อายุเยอะเเล้วก็ค่อยคุยกันก็ได้ สุดท้ายเราไม่รู้หรอกว่าเป็นคนนี้หรือเปล่า เเต่ตอนนี้เราคบคนนี้อยู่ก็คาดหวังกับเขา”

ฝากถึงเเฟนๆ ที่คอยซัพพอร์ตเราเสมอ

“ก็ขอบคุณค่ะขอบคุณทุกคนที่ติดตามหนูมาตั้งเเต่เเรกจนตอนนี้หนูได้เล่นละคร เเล้วก็มีอีกหลายกลุ่มมาก เบสท์ขอบคุณทุกคนเลยค่ะที่ติดตามนะคะ อยากให้ติดตามกันเเบบนี้ไปนานๆ นะคะ หนูจะพยามทำผลงานให้ดี เเละพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นในทุกๆ ด้าน ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ ค่ะ”

แหล่งที่มา Sanook

เรียบเรียงโดย baansuann.com