“ไชยา มิตรชัย” ควงลูก “แป้ง-แชมป์” เล่าช่วงชีวิตที่ต้องปิดบัง

เมื่อไม่นานมานี้ ไชยา มิตรชัย ยกมาทั้งบ้าน วันนี้ขอควงลูกสาว น้องเเป้ง-น้องเเชมป์ มิตรชัย มาเผยชีวิตต้องปกปิด อยู่บนความหวาดระเเวง เเม้ลูกป่วຍหนักก็ไปเยี่ยมไม่ได้ ต้องย้ายบ้านเยอะถึง 7 ครั้ง หนักสุดเคยคิดสั้น เพราะคิดว่าอาชีพลิเกมีครอบครัวไม่ได้ ไม่อยากเชื่อปัจจุบันนี้ได้ใช้ชีวิตเหมือนฝัน ไม่เคยคิดว่าจะได้เปิดตัวลูกเมียเเล้วจริงๆ ผ่านทางรายการคุยเเซ่บ show 

25 ปีที่เราปิดทุกคนว่าเรามีลูกเเล้ว เเละทุกวันนี้เราเปิดจนทุกคนรู้เเล้วว่านี่คือลูกของพี่ เห็นบอกว่าชีวิตเหมือนละคร ยังไง?

เอ : “พี่เคยเจอนะ ละครบางเรื่องที่เขียนว่าพ่อหนูเป็นซุปเปอร์สตาร์ เเล้วก็พอดูก็เอ๊ะ…มันเรื่องเราหรือเปล่า มันอยู่กับความหวาดระเเวง ความหวาดกลัวทุกสิ่ง ทุกอย่างคือต้องอยู่ในกรอบหมด อยู่นอกกรอบไม่ได้เลย มีนเป็นชีวิตที่ทุกคนกำกับเเล้วว่าเราต้องไปเส้นทางนี้

เเม้กระทั่งครอบครัวของเรา เราก็ต้องตีวง ตีกรอบเอาไว้ว่าเราต้องอยู่กันเเบบนี้นะซึ่งครอบครัวเราในตอนนั้นจะไปสู่สาธารณะชนไม่ได้เลย ช่วงนั้นมันเป็นความทุกข์ทsมานอย่างเเสนสาหัสก็ว่าได้”

ตอนที่พี่บอกกับลูกๆ เขาเข้าใจไหม?

เอ : “เข้าใจนะครับ อันนี้เป็นความคิดของผม เปิดกันมาขนาดนี้ผมว่าเราเข้าใจส่วนหนึ่ง เเต่มีบางส่วนที่เด็กไม่เคยได้พูดเเล้วปล่อยมันผ่านไป เเต่สำหรับตัวพี่ พี่คิดว่าลูกเข้าใจ เพราะว่าถึงตัวพี่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูเเลเขา ต้องยกความดีให้กับภรรยา พี่หนูนาเขาพยายามบอกกับลูกเสมอ พ่ออยู่ใกล้ๆ นะ พ่อฝากของกินไว้ให้

คือจะมีคำว่าพ่ออยู่ในหัวของเด็ก เเม้กระทั่งเข้านอน พ่อไม่เคยฝันดีกับลูกเลย เเต่เเม่จะไปเเล้ว พ่อมาบอกว่าฝันดีนะลูก ผมมีความรู้สึกว่าขอบใจเมียเเละขอบใจลูกที่เข้าใจพ่อในวันนี้ครับ”

ตอนเด็กเข้าใจไหม?

เเป้ง : “ต้องบอกว่าตั้งเเต่หนูโตมา หนูไม่ได้อยู่กับพ่อเลย หนูอาจจะชิน จะมีเเค่ตอนจำความไม่ได้พ่อยังอยู่กับเราบ้างเพราะหนูเห็นตามวีดิโอที่พ่ออัดเราตอนเด็ก เเต่พอเราจำความได้ เเม่หนูให้เห็นพ่อตลอด จะเปิดวีดิโอที่เป็นลิเกตลอดหรือว่าช่วงนั้นพ่อเล่นละครเยอะมากก็จะให้ดูตลอด มันเลยไม่ได้รู้สึกว่าขาดอะไรเลย”

เเชมป์ : “ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยครับ เพราะว่าเราโตมาในเเบบที่เราเป็นเเบบนี้อยู่เเล้วเลย เลยไม่รู้สึกว่ามันผิดหรือขาดความอบอุ่น เพราะผมว่าครอบครัวของผมเป็นครอบครัวที่ดีครับ”

ทำไมพระเอกลิเกถึงต้องโดนคำสาป?

เอ : “เพราะว่าหลายคณะตั้งเเต่รุ่นปู่ ย่า ตา ยาย มาเขาจะบอกว่าถ้าเปิดเผยตัวตนเลยตอนนั้นเรากำลังมีชื่อ ถ้าเปิดปั๊บคือตกเลยทันที คือมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ มันมีให้พี่เห็น พี่ก็เลยต้องเลือกระหว่างครอบครัวเล็กๆ ของพี่ กับอีกหลายครอบครัวของลูกน้องที่มีเป็นร้อยชีวิต เขาฝากไว้กับเรา หัวหน้าคณะที่มีป้ายว่า ไชยา มิตรชัย

ถ้าถามว่าตอนนั้นถ้าพี่เปิดตัวไปพี่ลำบากไหม พี่ไม่ลำบากเลยนะ พี่สบายเเล้ว ลูก เมียก็สบายเเล้ว เพราะญาติทางเมียนี่คือมีกินไม่หมด เขาสบาย เเต่เราต้องเลือกว่าเราต้องอยู่เเบบนี้ เขาก็เข้าใจ เด็กสมัยนี้อาจจะไม่เข้าใจ เดี๋ยวนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน เเล้วสื่อก็ไม่มีให้เห็นเหมือนเมื่อก่อน พอเป็นข่าวปุ๊บก็จะขึ้นหน้า1 เลยทันที เเล้วคนจะเชื่อเลย คือเสียเเล้วเสียเลย”

ปีหนึ่งเต็มๆ ที่ไม่เจอหน้าลูก?

เอ : “ถูกต้องครับ ปีที่น้องเเป้งเกิด พี่เริ่มทำเพลง กระทงหลงทาง พี่เล่นลิเก 365 วัน เเล้วมามีกระทงหลงทาง พอมาตกเเพปุ๊บเป็นปีที่เเชมป์เกิด ปีนั้นรายการทีวีก็มา เเล้วก็ละครก็มี เเล้วก็ไหนจะเดินสายลิเกทุกคืน

ตอนนั้นค่ายเพลงกับพี่ก็มีปัญหากันเเล้ว เนื่องจากว่าพี่จะไม่สามารถเล่นลิเกได้ จะต้องเดินสายวงดนตรี พี่ก็ลงใต้ ไป 1 ปีเต็มๆ ไม่ได้เข้าบ้านไม่ได้เจอลูก เจอเมีย เเม้กระทั่งโทรศัพท์ผมก็ไม่ได้โทรหาเลย เพราะผู้จัดการก็ไม่รู้ว่าเรามีครอบครัว”

จนภรรยาคิดว่าพี่ทิ้งไปเเล้ว?

เอ : “ใช่ เขาคิดว่าพี่ทิ้งเเล้ว อยู่กันตามประสาลูกทั้งสอง ตอนนั้นเริ่มจะมีการย้ายบ้าน จนเเม่ยายผมท่านบอกว่ากลับบ้านเราไหม บ้านเราไม่ได้ลำบากนะ หลานยายก็รักมาก เขาบอกว่าไม่เป็นไร หนูเลือกชีวิตนี้เเล้ว หนูอยู่กับเขาได้ หนูรอเขาได้ รอเเบบลมๆ เเล้งๆ ไม่มีความหวังเลย

โทรไปกี่ครั้งพี่เอไม่ว่าง ประเด็นคือเราไม่ได้สั่งใครไว้เลย ว่านี่เมียเราผมเพิ่งมารู้ว่าเขากอดกันร้องไห้ เขามาบอกตอนหลังว่าเเม่บังคับให้กลับบ้าน เเต่เขาไม่กลับเขาอยากอยู่กับพ่อ”

การเก็บความลับไว้คนเดียวมันอึดอัดขนาดไหน?

เอ : “พี่เข้าใจหัวอกศิลปินหลายๆ คน บางทีก็น้อยอก น้อยใจตัวเอง พี่ก็เป็นคนนึงในนั้นเหมือนกัน อย่างที่เคยมีข่าวเมื่อก่อนคิดจบชีวิตเหมือนกัน เพราะว่าสิ่งที่เราได้ตรงนั้น มันอีกหลายสิ่งที่เราขาดในชีวิต เราขาด เราโหยหาความรักจากครอบครัวมันก็เลยกลายเป็นว่าต้องอดทนอยู่ให้ได้

จากวันนั้นถึงวันนี้ผมอยู่มาด้วยความอดทน อยู่กับความทุกข์ระทมมาตลอด ไม่ใช่ว่า มันเหมือนหน้าชื่นอกตรมที่ออกหน้าเวที ไหนเราจะไม่ได้เจอลูก เจอเมียเเล้ว เจอกันก็ทักไม่ได้ กลัวลูกจะทักเราอีกต่างหาก เพราะตอนนั้นมีคนในค่ายไปด้วย เขาบินไปหา เเล้วเจอกันเเบบนั้น มันอยู่กับความหวาดระเเวงตลอดเวลาเลย

เวลาที่ผมไปบ้าน พอหมาเห่า เราก็ต้องไปดูที่หน้าต่าง ใครมาจอดรถอยู่หน้าบ้าน คือมันมีจริงๆ คือรถนักข่าว รถอะไร คือตามจริงๆ อยากได้ข่าวในตอนนั้น ผมบอกเลยว่ามันมีทั้งความทsมาน ความอดทน ทุกอย่างมันเข้ามา ต้องขอบคุณเวลาจริงๆ นะที่มันสามารถผ่านมาได้ พอผ่านมาเเล้วเราถึงได้มีรอยยิ้มได้”

ตอนนั้นน้องเเป้งเข้าใจไหม?

เเป้ง : “พูดตรงๆ ว่าไม่เข้าใจ เเต่มันก็เป็นอัตโนมัติ เห็นคนต้องวิ่ง คนอื่นเห็นเราอยู่กับพ่อไม่ได้ หนูกับน้องต้องวิ่งไปหลบ ซึ่งตอนนั้นเราไม่เข้าใจ เเต่มันเป็นไปเเบบอัตโนมัติ”

เเชมป์ : “ผมเข้าใจครับ เหมือนกับความสนุกอย่างหนึ่ง เราคือสายลับ เราคืออะไรสักอย่างที่เเบบต้องปิดบัง เเต่พ่อเราคือดารานะเว้ย เราก็บอกตัวเองเเบบนี้”

เอ : “เห็นใจเด็กสองคนนะเวลาผมพาไปเยี่ยมยายที่บ้านอ่างทอง จะมี 2 ชั้น เเล้วมีรถลิเกมาจอด คนลงมาเยอะ เด็กสองคนนี้วิ่งเเทบตกบันได ผมเห็นลูกวิ่งไปหลบข้างเสา”

เเล้วเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้นในอดีตเห็นว่าทำเอาน้ำตาไหลเลย?

เอ : “วันนั้นเเป้งโทรไปหาผม เเต่ผมกำลังจะเข้ารายการ พ่อจ๋าหนูร้องเพลงพ่อได้เเล้ว อย่าเพิ่งวางสายนะ เดี๋ยวหนูร้องให้พ่อฟัง เรารู้เลยเขาพูดคำว่าอย่าเพิ่งวางสายนะ เพราะมันเคยมีเหตุการณ์ว่าเเป้งเดี๋ยวพ่อถ่ายรายการ ถ่ายละครนะเเล้วจะวาง เขาคงจำไง ร้องเพลงประกอบละครที่ผมเล่น

ฟังลูกไป ตรงนั้นไม่ได้พูดอะไรเลยนะ สำเนียงเด็กที่เขา ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม เเล้วเขาก็ร้องเพลงให้เราฟัง มันกลายเป็นเเบบฟังจนจบเเล้วนั่งน้ำคาหยด เเต่สุดท้ายก็ต้องปาดน้ำตาเเล้วเข้ารายการ”

ลึกๆ เเล้วเหมือนกับพี่สอนให้ลูกโกหก?

เอ : “ถูก เเล้วมันติดใจพี่นะ ตอนที่ยังไม่เปิดตัว ตอนที่ลูกถูกติดต่อมาเล่นหนัง เล่นละคร เชื่อไหมว่ามันเป็นความฝันของเขาเลยว่าเขาอยากเล่น อยากเเสดง เเต่สุดท้ายพอจะเอาลูกไปเล่น เเล้วเราจะบอกยังไง จะต้องโกหกซับซ้อน อีกหน่อยก็จะต้องโดนถามว่าเป็นลูกใคร

ตอนนั้นมันคิดไม่ตก มันคิดอยู่หัวอกคนเป็นพ่อมันไม่อยากให้ลูกไปโกหกเหมือนกับที่เราเป็นอยู่ เข้าใจความรู้สึกของเด็กน้อยได้ ไม่อยากให้เขามีมลทินติดตัวไป ขอให้เป็นเเค่รุ่นพ่อพอเเล้ว เเต่สุดท้ายมันก็ติดในใจของเรา เหมือนฟ้ามาโปรดจริงๆ มันเข้ามาจังหวะเหมาะพอดีที่เราได้เเกะปมตรงนั้นออกทั้งหมด”

อะไรที่ทำให้เราต้องย้ายบ้าน ย้ายโรงเรียนลูกถึง 7 ครั้ง?

เอ : “ตอนนั้นเราอยู่ไม่ได้ เพราะ 1.พี่ซื้อบ้านอยู่รั่วรอบขอบชิด ลูกไม่สามารถออกไปเล่นกับเพื่อนบ้านได้เลย ผมจะสั่งเเม่บ้านว่าห้ามออกไปนะลูก มีบริเวณบ้านให้ถีบจักรยาน เเต่พอมีเด็กข้างบ้านเข้ามา พอรู้ปั๊บต้องย้ายทั้งบ้าน ทั้งโรงเรียนย้ายไป ย้ายมา จนไปอยู่ตรงคลองสานใกล้ๆ บ้านยายเขา ไปเเล้วยามเห็น ยามเเซวเล่นๆ เอง

มาหาเเฟน มาหาลูกหรือเปล่า เท่านั้uเเหละต้องย้ายอีก ย้ายจนเขาเป็นเด็กเรียนไม่ทัน เขาชักดิ้น ชักงอ เเล้วไปสะกิดคุณครูว่าหนูลูกไชยามิตรชัย ครูเป็นเเฟนคลับ ไชยา มิตรชัย คือชื่อนักเเสดง เเต่เสมา สมบูรณ์ คือชื่อจริง ครูเขารู้เเล้ว เเต่เขาไม่พูด ก็เลยมายืนยันด้วยปากเด็ก

เขาก็เลยมั่นใจ พอครูรู้เขาก็ต้องเเอบคุย เเล้วพี่อยู่ใกล้บริเวณนักข่าว อยู่ล้อมตัวเราไปหมด เราก็ต้องย้าย เเล้วตอนนั้น นิตยสารพาดหัวเลยไชยามีลูกเเล้ว น้องพลอยเเละน้องเพชร จริงๆ ลูกสาวพี่ตั้งชื่อตั้งเเต่เเรกเกิดเลยคือน้องพลอย เเต่คนนั้นเเชมป์ตั้งเเต่เกิด เเต่เขียนผิดเป็นเพชรเท่านั้uเอง”

เพื่อนถามไหมว่าพ่อเป็นใคร ทำไมไม่มาส่งเลย?

เเป้ง : “ตอนนั้นบอกว่าพ่อเป็นตำรวจ ตอนนั้นเหมือนโกหกไปก่อน ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครที่เป็นเพื่อนสนิทเรา เเต่ว่าวันพ่อเขาก็จะมีพ่อไป เเต่ของหนูจะเป็นเเม่ เพื่อนก็เลยถาม เเต่โกหกกันคนละอาชีพ ไม่ได้เตี๊ยมกับน้อง”

เเชมป์ : “ผมโกหกเยอะมาก จำไม่ได้ พอเริ่ม ม.ต้น เพื่อนรู้เเล้ว คือทุกคนไม่ได้อะไร เพราะมันเริ่มจากการโกหก เพื่อนก็ไม่มีใครพูดอะไรกัน”

เอ : “อยู่ ม.ต้น เห็นบอกว่าวิ่งไปหลังห้องน้ำเเล้วร้องไห้ อันนั้นเป็นโรงเรียนสุดท้ายมั้งที่เเป้งบอกว่าพ่อเราคือไชยา มิตรชัย”

อยากจะอวดลูกใจจะขาด เเต่ทำไม่ได้?

เอ : “พี่ก็มีอารมณ์นั้น เเต่ทำไม่ได้ ลูกน่ารักมาก ถ่ายรูปลงสื่อก็ไม่ได้ ตอนนั้นเป็นกล้องฟิล์มมันไม่สามารถถ่ายได้ เพราะต้องเอาฟิล์มไปล้างมันต้องเห็นเเน่ๆ”

25 ปีมีรูปถ่ายรูปเดียว?

เอ : “จริงๆ ส่วนเเชมป์มีน้อยมาก ตอนเเชมป์เกิดมาพี่ถ่ายเอ็มวีเเล้วเดินสาย ปีที่เเชมป์เกิดไม่ได้เข้าบ้านปีกว่า เเชมป์อยู่กับคุณยาย”

มันเคยกดดันเเล้วเเบบไม่เอาอะไรเเล้วไหม เ บื่ อ ที่ต้องมาโกหกทุกคน?

เอ : “เป็น ไม่เอาเเล้ว ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เป็นเเค่นี้พอเเล้ว ปีนั้นพี่ถ่ายละครลูกที่ถูกลืม ตอนนั้นละครออนเเอร์ เดินสาย ถ่ายละคร มันไม่ได้เจอลูก เราเคยกลับบ้านไปอุ้มลูก ถึงจะเหนื่อຍจากงานยังไงก็ต้องคว้าลูกเอาไปนอนกอด ลูกก็ไม่ได้เห็น เอาสิ ในเมื่อโชคชะตาเเกล้งกันขนาดนี้ ไชยา มิตรชัย เป็นเเล้ว

เพราะฉะนั้นเป็นเถอะ อย่าอยู่เลย พี่คิดมาหลายปี เเล้วก็คิดมาหลายครั้งมากด้วย ตัวพี่มีโอกาสปั๊บพี่ไป พี่คิดตัดช่องน้อยเเต่พอตัวตลอดเวลา ว่าไปเถอะ อย่าอยู่เลยชาตินี้”

อะไรที่ทำให้พี่หลุดพ้นมันได้?

เอ : “มันมีเคสนึงที่พี่ขับรถไปเเล้วจะไปเสยกับสิบล้อเเล้วไปปะทะกับเสาไฟขับเเบบเหยียบสุดเลย คือทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาเเล้ว ชาตินี้พอเเล้ว จนกระทั่งมีรถคันนึงปาดหน้าพี่ พี่คิดว่าเป็นรถของพ่อกับเเม่ เขามาพูด เขารู้ว่าพี่เป็นยังไง เเล้วบอกว่าอย่าทำเลย อีกหลายชีวิตรออยู่ สู้กันอีกสักตั้ง”

เเป้งรู้เรื่องนี้ไหม?

เเป้ง : “ไม่รู้เลย รู้เเค่พ่อเกิดอุบัติเหตุ”

เอ : “พ่อเข้าโรงพยาบาล ลูก เมีย ไปเยี่ยมไม่ได้ นอนตามยถากรรมไชยา มิตรชัย”

ตกใจไหม?

เเป้ง : “ตกใจมาก หนูฟังมุมดีๆ ของพ่อจากเเม่มาตลอด ไม่เคยคิดว่าพ่อเคยคิดสั้น”

เเชมป์ : “ตกใจครับ มันก็เป็นเรื่องที่ช็อกสำหรับลูก เเต่ผมก็คิดว่าอย่างพ่อยังไงเขาก็ไม่ทำเรื่องเเบบนี้”

มากกว่าทรัพย์สินที่มี พี่บอกว่าขอรักษาใจเเละลมหายใจเพื่อครอบครัว?

เอ : “ผมขอบคุณกาลเวลา เเละทุกสิ่งทุกอย่างที่มันได้มาในชีวิต ถ้าวันนั้นเราคิดจะตัดช่องน้อยเเต่พอตัว เราก็ไม่ได้มีรอยยิ้มเกิดขึ้นในครอบครัว เพราะเรามีภรรยาที่เขาเสียสละให้กับเรามาทั้งชีวิต

เขาพยายามเลี้ยงดูลูกที่ดีให้กับเราเขาพยายามรักษาทุกอย่าง ประคองไว้เพื่อวันนึงเราจะอยู่พร้อมครอบครัว ถ้าผมตัดสินใจทิ้งเขาไป หรือไปมีคนอื่น ผมคงไม่มีความสุขอย่างทุกวันนี้”

พี่เอทั้ง 2 คนนี้ดูเเลคณะลิเกของเรา?

เอ : “เป็นเจน 2 เเล้วครับ”

นี่คือนางเอก เเล้วเเชมป์เป็นอะไร?

เเชมป์ : “ผมเป็นตัวเสริมครับ”

มีช่วงนึงที่เราไม่ชอบชีวิตลิเก เเล้วหนีหายไปพักนึง?

เเชมป์ : “ใช่ คือผมไม่ใช่ เ ลื อ ด ลิเก 1OO% เพราะว่าผมโตมาไม่ได้อยู่บนคณะหรือบนเวทีมาตั้งเเต่เด็ก ก็เลยไม่อิน เข้าไม่ถึง เขาไปหัดลิเกกันหมด ผมก็ไม่มีไรทำ ผมก็เข้าไปเล่นก็ได้”

ทำไมถึงกลับมา เราไม่ชอบลิเก เราไปทำอาชีพอื่นก็ได้นิ?

เเชมป์ : “ผมเป็นคนนึงที่หาตัวเองไม่เจอ ไม่รู้ว่าโตมาจะไปทิศทางไหน บวกกับลิเกของพ่อมันถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนถ่ายเจน เเล้วผมอยากกลับมาช่วยที่นี่นะ เเล้วผมคิดว่ามันต้องไปต่อให้ได้ ผมไม่ยอมให้ลิเกมันมาพังที่รุ่นผมเเน่นอน”

แหล่งที่มา รายการคุยเเซ่บ Show / sanook

เรียบเรียงโดย baansuann.com