เปิดชีวิต “อัมพร ปานกระโทก” จากกรรมกรจนได้เป็นนักแสดงกว่า 100 เรื่อง แต่ต้องเข้าสู่ยุคขาลง ไม่มีเงินกินข้าว

วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาติดตามเรื่องราวของ “อัมพร ปานกระโทก” ซึ่งมีน้อยคนนักที่จะรู้จักชื่อของเขา แต่ถ้าได้เห็นหน้า ก็คงอยู่ในความทรงจำเป็นอย่างดี ซึ่งนายอัมพร ปานกระโทก วัย 65 ปี ดาราตัวประกอบชื่อดังที่มีผลงานหลายร้อยชิ้นตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ยอมบอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตว่า…

“ผมเริ่มเข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2526 แต่ก่อนจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ผมเคยประกอบอาชีพขี่สามล้อ, รปภ., เด็กรถสิบล้อ, รับจ้างเก็บรากไม้ตามถนน รับจ้าง ทำทุกอย่างแล้วแต่เขาจะจ้าง จนวันหนึ่งรู้สึกว่า บ้านเกิดเรา (โคราช) มันไม่มีอะไรจะให้ทำแล้ว ถ้าขืนอยู่ต่อ มีหวังได้อดจนสิ้นลมหายใจ”

“ผมเลยตัดสินใจออกมาเผชิญโชคที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มแรกจากการรับจ้างเป็นกรรมกร ซึ่งผมพอจะมีความสามารถในการทำก่อสร้างอยู่บ้าง เพราะพ่อแม่ของผมเป็นกรรมกร เลยได้เห็นได้จับมาบ้างแล้ว และพอทำไปได้ไม่นานก็มีคนจ้างไปทำงานก่อสร้างแถวเซ็นทรัลลาดพร้าว”

“แต่ใครจะไปรู้ว่า ผมกำลังฉาบ ๆ ปูนอยู่ จะมีคนเดินเข้ามาชวนไปเป็นนักแสดงตัวประกอบ โดยงานแรกที่รับเล่น คือเรื่องพระเพื่อนพระแพง ออกอากาศบนทีวี โดยผมรับบทเป็นนายบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน) จำได้ว่า ไปทำงาน 4 วัน 3 คืน กินกลางป่านอนกลางเขา ได้ค่าจ้างแค่ 3 ร้อยบาท ไม่คุ้มเลยตอนนั้น แต่ในใจก็รู้สึกว่า เออ เราชอบทำงานแบบนี้ เราเจอทางที่ชอบแล้ว”

เมื่อถามถึงช่วงที่ชีวิตดีที่สุด ลุงอัมพร ตอบว่า ประมาณปี 2532-2535 เป็นปีที่งานเยอะมาก ๆ มีหนังฝรั่ง หนังจีน หนังฮ่องกง เข้ามาถ่ายทำที่ประเทศไทยค่อนข้างเยอะ ผมมีคิวจองเต็มทั้งสัปดาห์ เพราะผมขี่ม้ายิงปืu ขับรถได้ ผมทำได้หมด รายได้ตกสัปดาห์ละเกือบหมื่นบาท

และถ้าแสดงธรรมดา ราคาจะถูกกว่าฉากที่ต้องรับเอฟเฟกต์ เพราะถ้ารับเอฟเฟกต์จะคิดเพิ่ม 1,500 บาท แสดงธรรมดาอยู่ที่ 700-1,000 บาทแล้วแต่จะตกลง”

“บางสัปดาห์โชคดีมีงานโฆษณาติดต่อเข้ามา ก็ได้ค่าจ้างตั้งแต่ 30,000-150,000 บาท ขึ้นอยู่กับเนื้องาน แต่มีอยู่งานหนึ่งเขาจ้างผม 500,000 บาท แต่ผมไม่รู้ว่า เขาจ้างเรตเท่านี้ มารู้อีกทีตอนเสร็จงาน โมเดลลิ่งบอกว่า เขาจ้าง 500,000 บาท แต่ขอหักค่านู่นค่านี่ เหลือ 105,000 บาท ตอนนั้นผมเสียใจที่เสียรู้เขา อยากเอาตังค์ไปให้ลูก ๆ เรียนหนังสือ”

“สมัยก่อนนะ ผมพอจะมีเงินอยู่บ้าง เพื่อนพ้องพี่น้องเต็มไปหมดเลย ใครเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมา ถ้าผมพอช่วยได้ผมก็ช่วย โอโห บอกได้เลยว่า ญาติเยอะ (เน้นเสียง) ไปไหนมาไหน มีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลัง แต่ตอนนี้ไม่มีเงิน ใครเขาก็ไม่มอง ผมโทรไปหาใครก็ไม่มีใครเขาอยากจะรับ”

“บอกได้เลย ตอนนี้ชีวิตผมแย่จริง ๆ ผมไม่อายหรอกนะ ถ้าจะมีคนบอกว่า ผมตกอับ ที่ผ่านมามีคนจ้างผมอยู่แค่ไม่กี่วัน สมัยก่อนเงินร้อยสองร้อยหาแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้ ตอนนี้กว่าจะได้สักบาทช่างยากเย็น ระยะหลังมานี้ต้องอาศัยขอลูก ๆ แต่ก็ใช่ว่าลูก ๆ ผมจะมี เพราะเขาก็มีครอบครัว มีภาระที่ต้องดูแล”

เมื่อซักถามว่า เหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่มีงานจ้าง ลุงอัมพร ตอบว่า “ตั้งแต่ปี 2557 จากนั้นมาเศรษฐกิจไม่ค่อยดี ผู้ประกอบการเขาลงทุนกันน้อยลง เมื่อเขาลงทุนกันน้อย งานผมก็น้อยลงตามไปด้วยมิหนำซ้ำเด็กหน้าใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นใหม่รายวัน”

ส่วนชีวิตล่าสุดของลุงอัมพรนั้น ภรรยาเสีຍชีวิตไปเมื่อหลายปีก่อน เหลือก็แต่ลูก ๆ อีก 3 คน โดยลูก 2 คนแยกไปมีครอบครัว แต่ลูกอีกคนหนึ่งยังอยู่ด้วยกัน โดยสองคนพ่อลูกเช่าห้องพักราคาถูกอยู่ในกรุงเทพฯ

“ทุกวันนี้เวลาไปไหนมาไหน ไปตลาด หรือเดินอยู่ตามถนน ก็ยังมีคนที่เขาพอจะจำนักแสดงตัวประกอบคนนี้ได้ เขาก็เดินเข้ามาขอถ่ายเซลฟี่กับผมอยู่บ่อย ๆ นะครับ”

“ผมอยากจะขอฝากไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ หากอยากให้ผมรับใช้ และชื่นชอบในความซื่อสัตย์ของผม ก็ขอให้ผมได้รับใช้นะครับ ขอแค่มีเงินได้ซื้อข้าวกินก็เพียงพอแล้วครับ” ลุงอัมพร วัย 65 ปี นักแสดงตัวประกอบ ทิ้งท้ายอย่างซื่อ ๆ

แหล่งที่มา: ไทยรัฐ

เรียบเรียงโดย baansuann.com