วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาทำความรู้จักกับ โฆเซ มูฆิกา บุคคลที่ได้ชื่อว่าเป็น
“ผู้นำประเทศที่จนที่สุดในโลก” เชื่อว่าน้อยคนจะรู้จักเขาคนนี้
รายงานระบุว่า “อุรุกวัย” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่โชคดีไม่น้อยที่มีผู้นำสมถะ เรียบง่าย
และทำประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่าง “โฆเซ มูฆิกา” คุณตาร่างท้วมท่าทางใจดี
อดีตประธานาธิบดีที่ชนะใจคนอุรุกวัย และใครหลาย ๆ
คนทั่วโลกที่ทำให้รู้ว่าถึงแม้คนเราอาจจะมีเงินทองไม่มากมาย
แต่เราก็สามารถที่จะมีความสุขได้กับสิ่งที่มี และเชื่อว่าคุณเองก็รับรู้และสัมผัสได้ผ่านสายตาคู่นั้นของเขาเหมือนกัน
วันนี้เราขอพาไปอ่านเรื่องที่โลกต้องจารึก ถึงผู้นำคนนี้ที่นับเป็นผู้นำในฝันของใครหลายคน
“โฆเซ มูฆิกา” เคยขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 40 ของอุรุกวัย (ปี 2010-2015) ปัจจุบันมีอายุ 84 ปี
เพิ่งสมรสอย่างเป็นทางการกับ ลูเซีย โตโปลันสกี (Lucía Topolansky) เมื่อปี 2005 ที่ผ่านมา
โดยเธอดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีอุรุกวัยคนปัจจุบัน
ทั้งมูฆิกาและโตโปลันสกีต่างเคยเป็นอดีตกบฏฝ่ายซ้าย เข้าร่วมกลุ่มนักรบกองโจร
และเคยผ่านช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติมาด้วยกัน โดยมูฆิกาเคยต้องโทษถูกคุมขังนานถึง 13 ปี
ซึ่งในขณะนั้นเขาเผชิญกับปัญหาสุขภาพอย่างหนัก โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจิต
เขาเคยกล่าวว่าบทเรียนและประสบการณ์ที่เกิดขึ้นหล่อหลอมให้เขากลายเป็นตัวเองในทุกวันนี้
จากการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายและสมถะทั้งช่วงก่อนและหลังขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ
มูฆิกาเลือกที่จะอาศัยอยู่ที่บ้านสวนของภรรยามาโดยตลอด
โดยไม่ยินยอมที่จะเข้าพักในที่พักประจำตำแหน่งในทำเนียบรัฐบาลจนหมดวาระ
สิ่งนี้ทำให้ทั่วโลกเริ่มรู้จักเขาและได้รับฉายา “ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก” ในที่สุด
ขณะที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี มูฆิกาได้บริจาคเงินเดือนกว่า 90%
ให้แก่องค์กรการกุศลต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้เป็นประจำทุกเดือน
ประเด็นเรื่องรถเต่าโฟล์กสวาเกน บีเทิล สีฟ้าอ่อน รุ่นปี 1987
ที่เขาได้รับมาตอนเข้าดำรงตำแหน่งก็ทำให้ใครหลายคนจดจำชายคนนี้ได้เพิ่มมากขึ้น
หลังเชคจากซาอุดีระเบียตัดสินใจเสนอขอซื้อรถเต่าคันดังกล่าว
ต่อจากเขาในราคา 1 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 33.2 ล้านบาท)
แต่มูฆิกากลับปฏิเสธข้อเสนอ เพราะเขาไม่ได้ต้องการเงิน
พร้อมทั้งกังวลว่าจะไม่มีรถเอาไว้พาเจ้าตูบ 3 ขาออกไปเที่ยวตามที่ต่าง ๆ
และที่สำคัญเจ้ารถเต่าสีฟ้าคันนี้กลายเป็นส่วนหนึ่งในการดำรงชีวิตของเขาและครอบครัวไปแล้ว
เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมปีที่ผ่านมา มูฆิกาตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา
ซึ่งเป็นตำแหน่งทางการเมืองภายหลังจากที่วาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสิ้นสุดลง
โดยเขาปฏิเสธไม่ขอรับเงินบำนาญใด ๆ พร้อมขอหยุดพักเส้นทางชีวิตในสนามการเมืองสักระยะหนึ่ง
โดยให้เหตุผลว่า “เป็นเพราะความเหนื่อຍล้าหลังจากการเดินทางที่ยาวไกล”
ซึ่งหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการตัดสินใจลาออกในครั้งนี้อาจจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเติมเชื้อไฟ
และชาร์จพลังของมูฆิกา ก่อนที่จะกลับมาลงสมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอีกครั้ง
แหล่งที่มา : liekr
เรียบเรียงโดย baansuann.com