น้ำตาอาบแก้ม สูญเงินกว่า 15 ล้าน ปลากดคังเลี้ยงในกระชัง อ่างเก็บน้ำเมืองกาญจน์ ตายเรียบ

น้ำตาอาบแก้ม สูญกว่า 15 ล้าน ปลากดคังเลี้ยงในกระชัง อ่างเก็บน้ำเมืองกาญจน์ ตายเรียบ ชาวบ้านที่เลี้ยงหมดตัว วอนรัฐช่วยเหลือ วันที่ 24 มกราคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์กลุ่มผู้ทำประมงเลี้ยงสัตว์น้ำจืด ในบริเวณอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บ้านโบอ่อง (ใหม่) ม.8 ต.ปิล็อค อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เกิดความเดือดร้อนอย่างมาก

เนื่องจากปลากดคัง ที่เลี้ยงในกระชังตายนับ 100 ตัน มูลค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท ตรวจสอบพบว่า ที่บริเวณริมฝั่งอ่างเก็บน้ำเขื่อนวชิราลงกรณ บรรดาชาวประมงที่เลี้ยงปลา จำนวน 8 ราย ได้นำซากปลากดคังที่ตายลอยเป็นแพจำนวนมาก

ขึ้นมาจากกระชังเลี้ยงซึ่งมีความยาว 16 เมตร กว้าง 5 เมตร วางกองเรียงรายยาวเหยียดไว้บนฝั่ง ส่งกลิ่นเหม็นฟุ้งไปทั่ว เพราะไม่รู้จะเอาซากปลาไปทิ้งที่ไหน

นายสมพรเผยต่อว่า ได้สอบถามเพื่อนผู้เลี้ยงปลาทุกรายจำนวน8ราย ก็ได้รับคำตอบแบบเดียวกันว่า กระชังปลาของเขาก็ได้ รับผลกระทบตายหมดกระชังเช่นกัน แต่ก็มีเจ้าของกระชังปลาบางราย แก้ไขทัน

โดยใช้เรือลากกระชังปลาไปไว้บริเวณกลางอ่างเก็บน้ำฯ แล้วใช้เครื่องทำอ๊อกซิเจนช่วย ก็แก้ไขได้บ้างบางรายเพียงเล็กน้อย โดยความเสียหายในเวลานี้ ราคาซื้อขายปลากดคัง น้ำหนัก 3 กก. ปัจจุบันกิโลละ 140 บาท รวม 60 กระชัง

เสียหายไม่ต่ำกว่า 15 ล้านบาท อยากจะวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาให้การช่วยเหลือ ผู้เลี้ยง ทำประมงน้ำจืด พราะทุกคนในขณะนี้ ก็แทบหมดเนื้อหมดตัวแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดปรากฏการณ์น้ำขุ่นเหม็น ทางเขื่อนวชิราลงกรณได้ออกมาชี้แจง สาเหตุของการเกิดน้ำขุ่นและมีกลิ่นเหม็น เป็นเพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เรียกว่า “การพลิกกลับของชั้นน้ำ” ซึ่งส่งผลให้พื้นน้ำที่มีความกว้างใหญ่และลึก

เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด โดยธรรมชาติ ความหนาแน่นของน้ำจะเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ ทำให้น้ำถูกแบ่งออกเป็นชั้นๆ เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำแตกต่างกัน ซึ่งเรียกว่า “การแบ่งชั้นน้ำ” เนื่องจากอุณหภูมิ น้ำชั้นบนจึงจมตัว ทำให้น้ำชั้นล่างที่มีตะกอน พลิกกลับขึ้นมา จึงทำให้ขุ่นและมีกลิ่นเหม็น

แหล่งที่มา : https://www.komchadluek.net/