เจออีกแล้ว! ไปออกกำลังกาย โดนวางยาในน้ำดื่มจนต้องเข้าโรงพยาบาล

เป็นประเด็นที่น่าสนใจ และหลายคนติดตามอย่างต่อเนื่อง กรณีที่มีการ วางยา ในน้ำดื่ม ซึ่งนายวิโรจน์ ไศละบาท อายุ 42 ปี โปรดิวเซอร์รายการทีวี ได้มาวิ่งออกกำลังกาย แล้วถูกวางยาในน้ำดื่ม จนมีอาการลิ้นแข็ง ตาค้าง ต้องรีบไปรักษาตัวที่ ร.พ.รามาธิบดี หลังออกจาก ร.พ.มาดูที่ขวดน้ำดื่มก็พบว่าที่คอขวดมีรู ลักษณะคล้ายโดนเข็มเจาะจึงสงสัยว่าตัวเองน่าจะโดนคนร้ายลอบวางยา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดวันที่ 25 มิถุนายน พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุได้สั่งการให้ พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบแก.ภ.จว.นนทบุรี ลงไปควบคุมสั่งการคดีดังกล่าวแล้ว เพื่อหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี

พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในศาลากลางจังหวัดนนทบุรีทั้งหมด และสอบปากคำพยานกลุ่มคนที่มาออกกำลังว่าพบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือไม่ เพราะคนที่มาออกกำลังกายส่วนมากแล้วจะคุ้นหน้าคุ้นตากันอยู่แล้ว ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจพร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนที่มาออกกำลังกายตามสวนสาธารณะต่างๆ ในพื้นที่

พล.ต.ต.ไพศาล กล่าวต่อว่า ทราบว่ามีนักข่าวช่องหนึ่ง ขอน้ำจากผู้เสียหายส่งไปให้รองศาสตราจารย์ วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์และนักวิชาการสาขาเคมีอินทรีย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตรวจสอบนั้น หากส่งตรวจยังแล็ปที่ได้มาตราฐานน่าเชื่อถือได้ก็สามารถทำได้ แต่ก็ต้องรอผลตรวจของตำรวจที่ส่งตรวจเช่นกัน เพื่อนำผลมาเปรียบเทียบว่าตรงกันหรือไม่

ในส่วนของทางคดีวันนี้ พ่อและแม่ของผู้เสียหายรายแรกเหตุเกิดวันที่ 15 มิ.ย. จะเดินทางมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี

ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น. ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี นายพงษ์ศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี พ่อของผู้เสียหายที่ถูกวางยาในขวดน้ำดื่มในสวนสาธารณะศาลากลางนนทบุรีอีกราย เดินเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลัง นายต้น (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ลูกชาย ได้มาออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ ภายในศาลากลางจังหวัดนนทบุรี

เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา แล้วซื้อน้ำดื่มแบบขวดมาวางทิ้งไว้ ก่อนออกวิ่ง แล้วกลับมาเปิดน้ำในขวดดื่มกิน ต่อมาเกิดอาการหมดสติลง และได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ถึง 3 วัน 2 คืน ก่อนอาการจะพ้นขีดอันตราย

นายพงษ์ศักดิ์ ให้การว่า ลูกชายมาสออกกำลังกายในสวนสาธารณะดังกล่าว จนถึงเวลา 23.00 น.ลูกชายได้โทรศัพท์มาหาแม่ บอกว่า มึนหัวแล้วสลบไป แล้วติดต่อไม่ได้ ตนและภรรยาได้รีบเดินทางมาที่ศาลากลางก่อนตระเวนหารถลูกชายจนถึงเที่ยงคืนกว่า จึงพบรถและลูกชายนอนไม่ได้สติอยู่ จึงได้เรียกรถกู้ชีพมูลนิธิช่วยนำตัวส่ง ร.พ.ศิริราชปิยมหาราชการุณย์

ลูกชายของตนยืนยันว่าน้ำในขวดที่ดื่มกินวันนั้น มีรสชาดเฝื่อนและกลิ่นแรงผิดปกติ แต่ด้วยความที่หิวน้ำและไม่ได้ระแวง จึงดื่มกินไปเกือบครึ่งขวด จากนั้นจึงเกิดอาการมึนงง และหมดสติในเวลาต่อมา

แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าน้ำในขวดดังกล่าวนั้นมีสารออกฤทธิ์หรือไม่ เนื่องจากหลังลูกชายหมดสติแล้วถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ไม่ได้เก็บติดมือกลับมาด้วย จึงไม่มีขวดน้ำในการตรวจสอบหาสารออกฤทธิ์ ส่วนผลการรักษาในเบื้องต้น แพทย์ยืนยันเพียงว่าอาการคล้ายที่ลูกชายตนหมดสติไปนั้นคล้ายกับอาการคนเป็นอีสโตรก

หลังสอบปากคำในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนจะได้เชิญตัว นายต้น มาเข้าให้ปากคำ เนื่องจาก นายต้น เป็นผู้เสียหาย ส่วน นายพงษ์ศักดิ์ นั้นเป็นเพียงพยานแวดล้อมไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรง จึงทำได้เพียงลงบันทึกประจำไว้ หาก นายต้น มีความประสงค์จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี จะต้องเดินทางมาเข้าให้ปากคำด้วยตนเอง พร้อมผลการตรวจรักษาของโรงพยาบาล

 

แหล่งที่มา : khaosod.co.th , today.line.me, sanook.com

เรียบเรียงโดย : baansuann.com