วันนี้เราจะพาทุกคนมาติดตามเรื่องราวดี ๆ หลังจากที่ทาง จส.100 เผยถึงพลเมืองดีอันน่าชื่นชม จากกรณที่ คุณธัญญรัศม์ แจ้งลืมเงินสด 104,200 บาท อยู่ในถุงผ้าสีขๅว พร้อมกำไลทองคำ 1 บาท สัญญาซื้อขๅยบ้านที่ดิน และสลากกินแบ่งรัฐบาลหลายใบ บนแท็กซี่ชมพู ไม่ทราบทะเบียน โดยสารจากฝั่งตรงข้ามวัดสน ถ.สุขสวัสดิ์ ไปลง ซ.สาธุประดิษฐ์ 30 เมื่อเวลาประมาณ 10.40 น. วันที่ 10 พ.ย.63 ตนมีกระเป๋าหลายใบ ตนลงรีบๆ เลยหยิบลงมาไม่หมด เป็นเงินที่จะนำไปใช้ทำธุรกรรมที่ดิน ต่อมาในเวลาประมาณ 11:30 น. วันเดียวกัน พลเมืองดี คุณพิเชษฐ์ บัวอิ่ม แท็กซี่ สีชมพูคาดเขียว ทส-2381 แจ้ง JS100 เก็บถุงผ้าดังกล่าวได้ จึงตรวจสอบเบื้องต้นรายละเอียดตรงกันทั้งหมด และเห็นว่ามีเบอร์ติดต่อเจ้าของในเอกสาร จึงโทรศัพท์ไปหาคุณธัญญรัศม์ และนัดส่งคืนกันย่านพระราม 3 หลังจากนั้นผู้โดยสารลงจากรถ คุณพิเชษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ผมกำลังไปรับแฟนไปโรงพยาบาล หันไปเห็นกระเป๋าวางอยู่ เลยคิดว่าต้องเป็นผู้โดยสารที่ลง ซ.สาธุฯ 30 จึงรีบโทรแจ้ง …

หากคุณคิออีกคนที่มีรักฝังใจ หรือยังมีความคิดถึงแฟนเก่าอยู่ ซึ่งถ้าต่างคนต่างยังไม่มีใคร คงจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทักไปหากัน อย่างเรื่องราวที่เราได้นำมาฝากทุกคนวันนี้ เป็นเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่งได้ตัดสินใจทักหาอดีตแฟนสาว ซึ่งสาเหตุที่ต้องเลิกกันเพราะฝ่ายหญิงได้พยายามตีตัวออกห่างเพราะฝ่ายชายมักจะขอยืมเงินตลอด จนฝ่ายหญิงไม่มีเงิน ก็ต้องไปหาหยิบยืมน้องเพื่อมาให้ฝ่ายชายยืม ผู้ใช้เฟสบุ๊ครายนี้ได้โพสต์แชทสนทนากับแฟนเก่าที่ทักเข้ามา แล้วติดหนี้อยู่ 400 บาท งานนี้บอกเลยว่าบันเทิง เลยทีเดียว จะทักหาแฟนเก่า คิดให้ดีด้วยว่าเคยติดหนี้เขาหรือเปล่า ทำเป็นคิดถึง ถามไถ่สารทุกข์ ทวงถามความเป็นแฟน ทำไมถึงหายไป ยอมรับว่าใช้ชีวิตไปวัน ๆ โทษฝ่ายหญิงซะงั้น จะมาพร่ำเพ้อเพื่ออะไร ได้โอกาสทวงเงินซะเลย สมควรแล้วที่เค้าบล็อกหนี ไม่ต้องมาเสียใจหรอก สับสนอะไรนักหนา เอ้าในบัญชีมีแค่ 300 อย่ามาเนียน มีหน้ามาขอคนเดิมกลับมา งานนี้ ทำเอาชาวโซเชียลต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก แหล่งที่มา: siamstreet เรียบเรียงโดย baansuann.com

วันนี้เราจะมาติดตามกรณีของลูกสาวรายหนึ่ง แม่วัยชราหายออกไปจากบ้าน โดยนางสำเริง เรืองจรัส ลูกสาว ขอความช่วยเหลือผ่านทางมูลนิธิกระจกเงาหลังแม่วัยชราป่วຍมีอาการหลง ๆ ลืม ๆ หายออกไปจากบ้าน น่าห่วงตรงที่แม่ก็เริ่มจำเธอไม่ได้แล้ว กลับบ้านเองก็ไม่ถูก ตามหามากว่า 1 เดือนจนเริ่มท้อ เธอบอกว่าตอนนี้จะเจอแม่แบบไหนก็ได้แค่ขอให้เจอ “อยู่มาวันหนึ่งแม่จำฉันไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร จำชื่อฉันไม่ได้ จำไม่ได้ว่าฉันเป็นลูก ตอนแรก ๆ ก็แค่หลง ๆ ลืม ๆ นะ ต่อมาพอเดินออกจากบ้าน ก็เริ่มเดินกลับบ้านไม่ถูก แม่ออกไปร้านค้าในหมู่บ้าน เริ่มจำทางกลับบ้านไม่ได้แล้ว ต่อมาก็ชอบรื้อของในบ้าน เริ่มโวยวาย ไม่ฟังใคร ก็รู้แล้วว่าแม่เริ่มป่วຍ ก็เป็นแบบนี้มาจะได้สิบปีแล้ว “เจ็ดโมงเช้า ฉันทำกับข้าวมาส่งแม่ที่บ้าน ต้องแกะใส่จานแบ่งไว้ อันไหนกินเช้า อันไหนกินกลางวัน ถ้าไม่แกะจากถุง แม่จะแกะเองไม่ได้แล้ว แม่ไม่รู้ว่าแกะยังไง แม่จะไม่กินข้าวเลย ตอนเย็นหกโมง ทุ่มนึง ฉันก็เอาข้าวเย็นมาส่ง ทำแบบนี้ทุกวัน “เคยขอให้แม่ไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน แต่แม่ไม่ไป ร้องจะกลับมานอนบ้านตัวเองคืนนั้นเลย ก็ต้องเอากลับมาส่ง แม่รักบ้าน ไม่ยอมไปอยู่กับลูกคนไหน ฉันก็มาส่งข้าวส่งน้ำทุกเช้าเย็น แล้วก็มาอาบน้ำให้แม่ แม่ไม่อาบน้ำเองเลย ฉันก็บอกว่า แม่ตัวเหม็นแล้ว …

วันนี้เราจะมาติดตามกรณีที่ศูนย์เด็กเล็กลืมเด็กวัย 2 ขวบไว้บนรถตู้ 6 ชั่วโมง ก่อนที่ผู้ปกครองมาตามหาไม่พบ จนเจอว่าเด็กยังอยู่ในรถตู้ จึงรีบนำตัวส่ง โรงพยาบาลอาการโคม่า โดยพ่อแม่ยังหวังว่าจะมีปๅฏิหๅริย์ และยังอยู่ในอาการเสียใจอย่างมาก สำหรับอาการที่แพทย์แจ้งคือมีอาการตับไตไม่ทำงาน ไม่ตอบสนอง หมอบอกให้ทำใจตั้งแต่วันแรก เมื่อวานดีขึ้นวันนี้ทุกอย่างไม่ทำงานแล้ว แต่ขอร้องหมอบอกว่าอย่าถอดเครื่องช่วยชีวิตอยากให้โอกาสเด็กไว้ก่อน วันนั้นเหมือนกับการส่งลูกครั้งสุดท้ายจูบครั้งสุดท้ายแต่ไม่นึกว่าไปส่งลูกครั้งสุดท้ายแบบนี้ อย่าให้มีรถตู้ส่งเด็กแบบนี้อีกเลย มีแค่รถสองแถวพอจะได้เห็นว่ามีเด็กค้างอยู่ในรถหรือไม่ ทางครอบครัวมาเฝ้าอาการอยู่ด้วยความเศร้าสลดทุกคน ซึ่งอยู่ในสภาพนั่งร่ำไห้ตลอดเวลา ด้านนางสุนิษฐา ผูกพานิช หัวหน้าศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์ วัดศรีมาราม ซึ่งทำหน้าที่ขับรถในวันเกิดเหตุเปิดเผยว่า เช้าวันเกิดเหตุได้ตระเวนรับนักเรียนทั้งหมด 17 คน ปกติจะมีครูเวรนั่งไปด้วย โดยรถตู้คันดังกล่าวมีที่นั่งจำนวน 4 แถวส่วนน้องเอ นั่งแถวที่สองริมหน้าต่างซ้ายมือ เมื่อถึงศูนย์เด็กเล็กก็ขับเข้าจอดด้านหน้าโรงเรียน ข้างเสาธง เพื่อให้นักเรียนลงจากรถ ยอมรับว่าตอนแรกคิดว่านักเรียนลงจากรถหมดแล้ว ครูเวรจึงปิดประตูรถ แต่ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีว่ามีนักเรียนยังอยู่ติดในรถตู้หรือไม่ นางสุนิษฐา กล่าวต่อว่า หลังจากจอดรถก็สอนนักเรียนตามปกติ กระทั่งบ่ายโมงครึ่ง ผู้ปกครองโทรศัพท์สอบถามหาลูก เพราะไม่เห็นลูกวิ่งเล่นกับเพื่อนในโรงเรียน จึงสำรวจในห้องเรียนพบว่าไม่พบน้องเออยู่ในห้องเรียน จึงช่วยกันหาทั่วทั้งโรงเรียนแต่ไม่พบ สุดท้ายมาพบว่าน้องเอ นอนหมดสติในรถตู้ จึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่อาการสาหัสแพทย์จึงส่งต่อโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช เบื้องต้นทางศูนย์ฯ ได้มอบเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ผู้ปกครองของน้องแล้ว 10,000 บาท แหล่งที่มา: thaich8 เรียบเรียงโดย baansuann.com

พาชมความน่ารักของเพื่อนซี้ แม้จะต่างสายพันธุ์ แต่ก็เป็นเพื่อนรักสุดซี้ต่อกันได้ เหมือนอย่างเรื่องราวของเจ้าตูบและเจ้าหมูตัวอวบสองตัวนี้ เมื่อเฟสบุ๊ค “Thanathip Nitphonphirom” โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ระบุว่าเธอได้ทราบข่าวจากหลวงพี่คนหนึ่ง ว่ามีหมาวัดกับหมูที่วัดเลี้ยงไว้หายตัวไป จนต้องรีบกลับมาช่วยหลวงพ่อกับหลวงพี่เร่งตามหา เธอยังกล่าวอีกว่า ขณะนั้นทั้งวัดวุ่นวายมาก แถมยังต้องขอแรงจากชาวบ้านในหมู่บ้านที่สะดวกและอยู่บริเวณนั้นมาช่วยกันตามหาตัวทั้งคู่อีก เพราะหลวงพ่อห่วงว่าเจ้าหมูจะถูกจับไปเป็นอาหาร เนื่องด้วยขนาดตัวที่กำลังอวบอ้วนได้ที่ แต่ที่ไหนได้ พอผ่านไปสักพักก็มีคนพบเจ้าหมากับหมูนั่งหน้าสลด หลบหน้าหลบตาสำนึกผิด อยู่ข้าง ๆ กำแพง ทราบความว่าทั้งสองตัวคงแอบพากันออกนอกบริเวณวัดเพื่อหนีเที่ยว แต่ดันลืมทางที่จะกลับมาวัด จึงทำให้ทั้งวัดทั้งหมูบ้านวุ่นวายกันไปหมดแบบนี้ เจ้าของโพสต์ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า “ไม่ต้องมาทำหลบหน้าหลบตา หูตกพากันออกไปเที่ยวกลับมาไม่ถูก เค้าวุ่นวายกันทั้งวัด นี่ต้องรีบมาจากในเมือง ตามหาหมูกับหมา พากันไปเเรดโน้น บ่อปลาโน้น อย่างไกล แหม! เค้าวุ่นวายขับรถหาทั้งคนทั้งพระพากันหาให้วุ่น กลัวคนจะจับนังหมูตัวแสบไป “แต่ที่ไหนได้พากันไปเที่ยวไม่ยอมกลับวัด ทำเอาทั้งพระทั้งคนต่างช่วยกันตามหากันให้วุ่นเลย!” แถมเจ้าของโพสต์ยังบอกอีกว่าพอเดินกลับวัดมาทำหน้าเขินอาย เหมือนรู้ว่าตนนั้นกำลังทำผิด เรื่องราวความซนของเจ้าสอบแสบทำเอาผู้คนในโลกออนไลน์ต่างพากันยิ้มไม่หุบ นอกจากจะว่าง่ายหนีตามกันออกไปเที่ยวนอกวันแล้ว ยังมานั่งเคียงข้างยอมรับผิดด้วยกัน ไม่ทิ้งเพื่อนไปไหน แม้ว่าจะทำให้ทั้งวัดทั้งหมู่บ้านวุ่นวาย แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นเพื่อนรักคู่ซี้ หวังว่าคราวหน้าจะไม่มีอีกนะคะ! แหล่งที่มา : Thanathip Nitphonphirom เรียบเรียงโดย baansuann.com