90 นช. ได้รับพระราชทานอภัยโทษ น้ำตาท่วมพ่อแม่ลูกภรรยากอดกันกลม หลังพ้นประตูเรือนจำ

วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวสุดสะเทือนใจ โดยเมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2563 ที่ศาลาคณกลับใจ เรือนจำกลางอุดรธานี นายปราโมทย์ ธัญญพืช รองผวจ.อุดรธานี เป็นประธานพิธีปล่อยตัวผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามพระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ

เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 โดยมีผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดอุดรธานี อัยการจังหวัดอุดรธานี และหัวหน้าส่วนราชการร่วมงาน

นายภัทรพงศ์ หมวกสกุล ผบ.เรือนจำกลางอุดรธานี เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้โอกาสผู้ต้องราชทัณฑ์ได้กลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี มีผลบังคับใช้ในวันที่ 15 สิงหาคม 2563 กำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน

กรมราชทัณฑ์ จึงได้จัดทำโครงการพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว “โคกหนองนาแห่งน้ำใจและความหวังกรมราชทัณฑ์” เป็นหลักสูตรสำหรับเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยให้กับผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว

โดยดำเนินการอบรมพร้อมกันทั่วประเทศเมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ.2563 ผ่านระบบทางไกลผ่านจอภาพ Jabber Cisco เสร็จสิ้นการอบรมเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 เรือนจำกลางอุดรธานีมียอดผู้ต้องขังทั้งสิ้น จำนวน 5,028 คน เป็นนักโทษเด็ดขาดผู้อยู่ในข่ายได้รับการคำนวณประโยชน์ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2563 จำนวน 3,600 คน

และมีผู้ที่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวจำนวน 528 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย จำนวน 487 คน ผู้ต้องขังหญิง จำนวน 41 คน ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติทั้งหมดแล้ว และมีผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวรอบที่ 1 วันนี้ จำนวน 90 คน

ขณะที่รองผวจ.อุดรธานี ได้กล่าวให้กำลังใจแก่ผู้ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัวทุกคน ให้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ได้ตระหนักและเล็งเห็นถึงคุณค่าในการได้รับโอกาสที่จะได้กลับบ้าน กลับไปหาครอบครัว พ่อ แม่ สามีหรือภรรยา ลูก ๆ ญาติมิตรที่เรารัก รวมไปถึงการได้รับอิสรภาพจากการถูกจองจำ

“ขอให้นำประสบการณ์จากการใช้ชีวิต ณ ที่แห่งนี้ เป็นเครื่องเตือนใจในการประพฤติปฏิบัติตน ใช้ชีวิตร่วมกับสังคมภายนอกอย่างปกติสุข ไม่หวนกลับมากระทำผิดซ้ำอีก และขออวยพรให้ผู้ได้รับการปล่อยตัวในวันนี้มีอนาคตที่ดี ประกอบกิจการงานใดในทางสุจริต ก็ให้สำเร็จสมปรารถนาทุกสิ่งทุกประการ เป็นคนดีมีคุณค่าของสังคม ตลอดไป”

สำหรับบรรยากาศ หลังจากผู้ต้องขังที่ได้รับอภัยโทษพ้นจากหน้าประตูเรือนจำก็ได้ประพรมน้ำพระพุทธมนต์จากพระสงฆ์ โดยมีครอบครัว พ่อ แม่ ลูกเมีย ญาติพี่น้องมารอรับ เมื่อพบกันต่างสวมกอดด้วยน้ำตาและความดีใจ และกราบเท้าขอขมาที่ทำผิดพลาดไป ซึ่งครอบครัวพร้อมที่จะให้อภัยและให้ถือเป็นบทเรียนแห่งชีวิตที่จะต้องไม่กลับเข้ามาอีก

แหล่งที่มา: khaosod

เรียบเรียงโดย baansuann.com