หนุ่มวัย 19 แต่งงานกับผู้วายชนม์ ไม่คิดทวงสินสอดคืน ยกให้แม่ยายทำบุญ

วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวของคู่รักหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวหลังจากกรณีนางสาวกัญญารัตน์ จันทป หรือ กิฟ อายุ 16 ปี ได้เสีຍชีวิตลงด้วยการติดเชื้อในกระแสโลหิต หลังจากเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลบุรี ประมาณ 3 สัปดาห์

โดยก่อนจะเสีຍชีวิต นางสาวกัญญารัตน์ ตกลงกับแฟนหนุ่ม นายภานุพงศ์ หรือ โอม อายุ 19 ปี ว่าจะแต่งงานกัน แต่เสีຍชีวิตไปก่อน ทำให้แฟนฟนุ่มตัดสินใจจัดงานแต่งงานให้ ดดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 63 ครอบครัวของ น.ส.กัญญารัตน์ หรือ น้องกิฟ ที่เสีຍชีวิตจากการติดเชื้อในกระแสโลหิต ได้ร่วมกันเก็บกระดูกที่เมรุวัดบ้านโคกหัวช้าง ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์

หลังจากได้ฌาปนกิจไปเมื่อที่ 8 พ.ย. 63 ซึ่งบรรยากาศทั่วไปได้ผ่อนคลายลง ไม่มีความโศกเศร้า ปนความดีใจ ในช่วงที่มีการทำพิธีแต่งงานระหว่างนายภานุพงศ์ หรือ โอม กับร่างของน้องกิฟกลางงานฌาปนกิจ โดยกระดูกที่เก็บมา ครอบครัวได้นำมาทำพิธีตามประเพณีแล้ว

นางยุภาวดี วางประโคน อายุ 34 ปี แม่น้องกิฟ กล่าวว่า หลังเสร็จสิ้นงานแต่งและงานฌาปนกิจไปแล้ว ครอบครัวรู้สึกโล่งอกทุกอย่าง ที่ลูกสาวร้องขอมา ได้ทำให้ทุกขั้นตอนแล้ว

ตนเชื่อว่าน้องกิฟได้รับรู้ทุกอย่าง ถ้าฝากได้ก็อยากจะฝากไปถึงลูกให้ได้รับรู้ว่าทุกคนรัก เป็นห่วงน้องเสมอ และตลอดไป โดยฝ่ายชายทำตามสัญญาที่ให้ไว้ว่า จัดงานแต่งงานให้สินสอด 400,000 บาท พร้อมทองอีก 20 บาท ก่อนจะเผา และเก็บกระดูกไปทำพิธีทางศาสนาแล้วช่วงเช้าวันนี้

ทั้งนี้ ตนได้นำเอาถาดใส่ข้าวปลาอาหาร น้ำเปล่า และจุดเทียน 1 เล่ม มาเซ่นไหว้ให้ดวงวิญญานได้กินข้าว พร้อมทั้งได้วางโกฏิกระดูกใส่ถุงผ้าสีขๅว และภาพหน้าร่างน้องกิ๊ฟไว้บนพื้นบ้าน

นางยุพาวดี แม่ของผู้เสีຍชีวิต กล่าวว่า เรื่องค่าสินสอดทองหมั้น กับทองอีก 20 บาท น้องโอมเต็มใจให้ แต่ครอบครัวคืนทองให้ฝ่ายชาย 10 บาท ส่วนที่เหลือครอบครัวเก็บเอาไว้ เพราะเป็นประเพณีของงานแต่งงานที่ฝ่ายชายมอบค่าสิดสอดมงคลสมรสให้ครอบครัวฝ่ายหญิง โดยตนเองไม่ได้เรียกร้อง

ขณะเดียวกันเงินสินสอดบางส่วน ไปใช้จ่ายหลายอย่าง และจะนำไปทำบุญให้กับลูกสาว รวมทั้งทำบุญครบ 100 วัน เพื่อให้ดวงวิญญาณของลูกสาวไปสู่ภพภูมิที่ดี รู้สึกภูมิใจที่ครอบครัวของน้องโอมรักลูกสาว และทำสิ่งดี ๆ ให้กับครอบครัว อย่างไรก็ตาม รู้สึกได้ว่าวิญญาณของลูกสาวคงอยู่ใกล้ตัว แต่ยังไม่ได้มาเข้าฝันหรือมาให้เห็น

แหล่งที่มา: ทุบโต๊ะข่าว

เรียบเรียงโดย baansuann.com