หวั่นโดนอีก!! ในรอบ 1 ปี รถเสียหลัก แหกโค้ง พุ่งชนบ้าน 4 ครั้ง

เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2563 มีการร้องเรียนหลังได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์รถยนต์เสียหลัง พุ่งชนบ้าน ซึ่ง น.ส.จันจิรา โสลิกี้ หรือ ซิน อายุ 23 ปี อาชีพค้าขๅย เล่าว่า

ตนเปิดเป็นร้านขๅยของชำ ชื่อร้าน “ตีนเขา” ของชำ 4 ครั้ง ภายในระยะเวลา 1 ปี สร้างความเสียหายแล้วกว่า 5 แสนบาท อีกทั้ง ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ประกอบกับในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ยังมีรถเสียหลักบนถนนอีกกว่า 12 ครั้ง

ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็ฯบริเวณบนถนนเพชรเกษม ทางหลวงแผ่นดิน 403 สายตรัง-พัทลุง บริเวณก่อนขึ้นเขาพับผ้า ริมเทือกเขาบรรทัด หน้าบ้านเลขที่ 109 ม.1 ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง

จากการตรวจสอบพบว่า โค้งดังกล่าวอยู่ก่อนถึงบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 150 เมตร และเป็นช่วงถนนที่รถกำลังจะขึ้นถนนบนเขา โดยส่วนใหญ่สัญจรผ่านมาในความเร็วสูง พื้นถนนบริเวณโค้ง มีความลาดเอียงน้อย ทำให้รถที่สัญจรมาเลี้ยวไม่เข้าโค้ง

น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รถเสียหลักหลุดโค้งได้ง่าย ซึ่งชาวบ้านบริเวณดังกล่าวยังได้ชี้ร่องรอย รวมทั้งจุดที่รถเสียหลักลงไป ตรวจสอบบริเวณแผงกั้นบนเกาะกลางถนนมีร่องรอยการถูกชนพังยับเยิน บนพื้นยังคงพบชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ตกเกลื่อนอยู่

น.ส.จันจิรา กล่าวว่า ตนพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวพร้อมกับแม่ พี่สาว หลานสาววัย 1 เดือน และหลานชายวัย 4 ขวบ ที่ผ่านมารถพุ่งชนบ้านครั้งแรกเมื่อเดือน ก.พ.62, มิ.ย.62, ก.ค.62 และล่าสุดคือวันที่ 9 ส.ค.2563 ที่ผ่านมาเกิดเหตุบริเวณนี้แล้วกว่า 16 ครั้ง เข้าบ้าน 4 ครั้ง รวมความเสียหายแล้วทั้งหมดกว่า 5 แสนบาท แต่ได้รับเพียง 3 แสนบาท

น.ส.จันจิรา กล่าวต่อว่า ตอนนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวแล้ว ฝนตกก็ไม่กล้ามานั่งหน้าบ้าน กลัวว่าจะเกิดเหตุซ้ำ เวลานอนก็กลัว อีกทั้งที่บ้านก็มีเด็กเล็กกลัวว่าจะได้รับอันตรายไปด้วย เวลาได้ยินเสียรถก็กลัวตลอด และที่สำคัญคือหากฝนตกจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก

หลังจากเกิดเหตุพุ่งชนบ้านครั้งแรกก็ได้ร้องไปยังสื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปแล้ว ซึ่งขณะนั้นหน่วยงานที่รับผิดชอบได้นำแท่งเบริเออร์มาตั้งกั้นไว้บริเวณหน้าบ้านของหนู แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุรถก็ยังเสียหลักมาชนแท่งแบริเออร์จนกระเด็นอีก

ซึ่งหนูมองว่าการแก้ปัญหาโดยการนำแท่งแบริเออร์มากั้นไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด เป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายน้ำ เพราะสาเหตุปัญหาต้นน้ำคือถนนบริเวณโค้ง จึงอยากให้หน่วยงานมาปรับปรุงพื้นถนน และให้มีกล้องจับความเร็วด้วย น.ส.จันจิรา กล่าว

ด้าน นางหทัยกาญจน์ ทองเอียด อายุ 48 ปี แม่ของน.ส.จันจิรา ซึ่งเป็นผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ตนเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์รถพุ่งเข้าชนบ้าน ขณะนั้นตนยืนขๅยกาแฟอยู่หน้าร้าน จู่ ๆ รถก็พุ่งเข้ามาชนเข้าอย่างจัง

นางหทัยกาญจน์ กล่าวต่อว่า หลังจากโดนชนก็นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ตรัง เป็นระยะเวลากว่า 27 วัน มีบาดแผลที่ขาและตามลำดับ โดนผ่าตัดที่ขาและสะโพก หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ภาพยังติดตาอยู่ทุกวันนี้

ขณะที่ นางรัตนพันธ์ สะลิมาต อายุ 58 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์บ่อย ซึ่งทำให้จิตใจเราเสียด้วยนอนตกใจ ซึ่งเราก็เห็นเหตุการณ์ตลอด คนในบ้านก็หวาดกลัวกันตามๆกัน กจุด  อยากให้มีกล้องจับความเร็ว หรือซ่อมถนนให้ดีกว่านี้หน่อย

แหล่งที่มา : siamtopic.com , khaosod.co.th

เรียบเรียงโดย : baansuann.com