หนุ่มจีนตัดสินใจนอน รพ. 6 ปี กินอยู่เหมือนบ้าน ทั้งที่รักษาหายแล้ว

เปิดเรื่องราวของหนุ่มชาวจีนคนหนึ่ง ตัดสินใจใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลนานกว่า 6 ปี โดยที่ทางโรงพยาบาลเองไม่ได้ร้องขอให้เขาอยู่เลยแม้แต่น้อย แถมยังพาพ่อแม่มาอาศัยอยู่ด้วยกันอีกต่างหาก

หากย้อนกลับไปในปี 2014 ชายแซ่ Tian ถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลปักกิ่ง ด้วยอาการคลื่นไส้ อาเจียน และสูญเสียความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหว เดินเองไม่ค่อยได้ ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ Tian ต้องเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลนานถึง 2 เดือนกับอีก 9 วัน

ซึ่งในช่วงเวลานั้น พ่อแม่ของเขาก็จะคอยมาเฝ้า มาอยู่ดูแลลูกชายไม่เคยห่างไปไหน จนกระทั่งเมื่อถึงวันที่ทางโรงพยาบาลบอกว่าให้เขากลับไปพักที่บ้านได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลอีกต่อไป Tian ถึงได้รู้ว่าเขาจำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาและการที่เขาต้องนอนอยู่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน

และเงินจำนวนนั้นก็อาจจะถือว่าสูงมากสำหรับเขา จนทำให้เขาตัดสินใจที่จะกล่าวหาว่าทางโรงพยาบาลไม่ได้ให้การรักษากับเขาอย่างเหมาะสม และปฏิเสธที่จะออกจากโรงพยาบาล

หลังจากที่ Tian กล่าวหาโรงพยาบาลในประเด็นดังกล่าว พ่อและแม่ของเขาก็พากันขนข้าวของเข้ามาในห้องพักคนไข้ และเปลี่ยนให้มันกลายมาเป็นเหมือนบ้านของพวกเขาเองในทันที รายงานระบุว่า ห้องพักของ Tian เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว มีแม้กระทั่งหม้อหรือกระทะ วัตถุดิบอาหารต่างๆ แถมพวกเขายังทำเหมือนกับว่าที่นี่เป็นบ้านจริงๆ

ทางด้านโรงพยาบาลก็ไม่เคยนิ่งนอนใจ พาครอบครัวของ Tian ขึ้นศาลมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทางโรงพยาบาลอยากให้ครอบครัวนี้ออกไปอย่างมาก ถึงขนาดที่ยอมละเว้นค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดที่สูงกว่า 1.26 ล้านหยวน (ราว 5.86 ล้านบาท)

แม้ทางโรงพยาบาลจะพิสูจน์ได้ว่า Tian ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาใดๆ อีกต่อไป แถมยังทำให้ทรัพยากรส่วนกลางที่น่าจะมีไว้สำหรับคนไข้ที่ป่วຍจริงๆ สิ้นเปลืองไปอย่างเปล่าประโยชน์ แต่มันก็ไม่เป็นผล เพราะในปี 2020 Tian ก็ยังยื่นเรื่องกล่าวหาว่าทางโรงพยาบาลละเลยต่อหน้าที่ จนเรื่องนี้ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

ในที่สุดเรื่องนี้ก็ยุติลง เมื่อผู้พิพากษา Luo Shengli ตัดสินให้ Tian และครอบครัวต้องย้ายออกจากโรงพยาบาลในทันที หลังจากใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานกว่า 6 ปี ทั้งนี้ ครอบครัวของ Tian ก็ยังได้รับค่าชดเชยจากโรงพยาบาลเป็นเงิน 480,000 หยวน (ราว 2.23 ล้านบาท) และยังได้เดินทางกลับบ้านด้วยรถฉุกเฉินของทางโรงพยาบาลอีกด้วย

แหล่งที่มา catdumb

เรียบเรียงโดย baansuann.com