สาววัย 58 จบแค่ ป.7 ขๅยยาคูลท์ จนซื้อที่ 60 ไร่ได้ สอนลูกดีจนมีเงินเก็บ 2.6 ล้าน

วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาติดตามเรื่องราวของชีวิตสาวยาคูลท์วัย 58 ปี หญิงแกร่งขยันทำงาน เผยอดีตสุดลำบากแต่มี 3 อดที่ทำให้ชีวิตดีขึ้น

“อดทน-อดกลั้น-อดออม” รู้จักใช้เงินให้เป็นแบ่งซื้อที่ดิน60 ไร่ สอนลูกชายเก็บเงินได้ 2.6 ล้านบาทพุธที่ 7 สิงหาคม 2562 เวลา 07.00 น.

เรื่องราวในสัปดาห์นี้ต้องบอกเลยว่า…เธอเป็นหญิงแกร่งแห่งยุคบุกเบิกของการเป็นสาวยาคูลท์ ตั้งแต่ขวดละ 3 บาทจนถึงปัจจุบันขวดละ 8 บาท

ซึ่งเธอทำงานในอาชีพนี้มาแล้วกว่า 40 ปี “สายันห์ ธุรีวรรณ์” ในวัย 58 ปี

สาวยาคูลท์ประจำศูนย์รังสิต 5-4จ.ปทุมธานี ที่ทุก ๆ เช้าเวลาประมาณ 05.30 น.

ขณะที่หลายคนเพิ่งจะลุกจากที่นอนนุ่ม ๆ แต่กลับเป็นเวลาที่พี่สายันห์คุ้นชิน ขี่รถจักรยานยนต์คู่ใจออกจากบ้านไปทำงานแล้ว

อันดับแรกจะพาไปรู้จักพื้นเพของสาวยาคูลท์คนนี้กันก่อน แต่เชื่อเถอะว่าถ้าได้ฟังเธอเล่ามุมมองชีวิตในวันนี้ ทุกท่านจะได้รับกำลังใจและแนวคิดนำไปปรับใช้ในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน

“ดิฉันเกิดที่บ้านสามง่าม อ.หันคา จ.ชัยนาท มีพี่น้อง 5 คน ตอนแรกไม่รู้จะหางานอะไรทำ ไปสมัครงานที่ไหนเขาก็ไม่รับ เพราะเรียนจบแค่ชั้น ป.7 ทางบ้านกิจการรถ 6 ล้อของพ่อก็เปลี่ยนไปตามยุคสมัย จนขๅยทิ้งหมด

ส่วนลูกผู้หญิงสมัยนั้นแค่ทำกับข้าวให้สามีทานก็พอแล้ว ไม่ต้องเรียนหนังสือ พี่สาวคนโตไม่ได้เรียน พี่ชายคนรองได้เป็นตำรวจ

และดิฉันเป็นลูกคนกลาง น้องสาวทำนาทำไร่ดูแลพ่อแม่ ส่วนน้องชายคนสุดท้องก็จบเพียงชั้นม.6” เธอเล่าอย่างตรงไปตรงมา สะท้อนให้เห็นภาพสมัยนั้น

โดยก่อนมาสมัครเป็นสาวยาคูลท์ เธอได้แต่งงานและย้ายมาอาศัยกับสามีที่ย่านรังสิต เพราะสามีของเธอทำงานโรงงาน กระทั่งมีเพื่อนแนะนำให้รู้จักกับยาคูลท์

แต่ในใจก็แอบกังวลว่าจะทำได้หรือไม่ ซึ่งที่นี่ก็ให้โอกาสเธอได้ทำงานที่แรกเขตสีลม เธอคิดใจในว่า “รับจ้างเกี่ยวข้าว ตัดอ้อยเป็นไร่ ๆ ยังทำได้

ถ้าอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ ก็แค่หาลูกค้าให้ได้เยอะ ๆ” จากนั้นย้ายไปเป็นสาวยาคูลท์เขตพัฒนาการ ในยุคที่ต้องปั่นจักรยาน 12 กม.

เคยมีจักรยานล้มบ้าง แน่นอนว่ายาคูลท์กระจายเต็มพื้น แต่ก็ต้องปั่นไปให้ถึงบ้านลูกค้า เพื่อไปกล่าวคำว่า “ขอโทษ”

แม้หลายคนจะเรียกว่าเป็นอุปสรรค แต่เธอก็ทำงานแบบนี้จนชินเสียแล้ว จากนั้นหลังจากคลอดลูกชายก็ได้ย้ายไปทำงานที่ศูนย์รังสิต

หมั่นเก็บเงินส่งลูกเรียน ซึ่งโชคดีเหลือเกินที่ลูกชายเป็นคนหัวดี สอบได้ทุนที่โรงงานของผู้เป็นพ่อตั้งแต่ชั้นประถมฯ และสามารถสอบเข้าเรียนได้ที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.ปทุมธานี

กระทั่งสอบเข้าเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยได้สำเร็จ โดยบริษัทยาคูลท์ช่วยเหลือให้ทุนการศึกษาลูกชาย ที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลได้จนจบปริญญาตรี

พี่สายันห์ บอกว่า เมื่อ 10 ปีก่อนนี้ ยาคูลท์ถือว่าขๅยดีมาก ๆ ขๅยดีจนมีเวลาว่าง เพราะยาคูลท์ผลิตไม่ทันความต้องการของลูกค้า

ซึ่งเคยขๅยได้มากที่สุดวันละ 1,300-1,700 ขวด แต่ตนก็ไม่เคยปล่อยเวลาว่างให้สูญเปล่า จึงใช้เวลาว่างตรงนี้ไปเรียนที่ กศน.

ตอนนั้นมีหลายคนถามว่าอายุ 40 ปี จะมาเรียนทำไม ตนได้เป็นหัวหน้าห้อง และเรียนจนจบ ม.6 ได้สำเร็จ นับเป็นความภูมิใจที่สร้างรอยยิ้มได้อย่างมีความสุข

“ชีวิตเริ่มแรกมันอาจจะติดขัดหน่อย แต่เราต้องเก็บเกี่ยวความรู้ มันเป็นอุปสรรคชีวิตที่เราต้องฝ่าฟัน จนได้รับรางวัลสาวยาคูลท์ยอดเยี่ยมในปี 58

ได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น และสร้างวันครอบครัวขึ้นมา 1 วัน คือ ทุกวันศุกร์จะต้องเป็นวันของบ้าน ทุกคนจะต้องทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน

ลูกชายก็ไม่เคยกลับบ้านหลัง 2 ทุ่ม เพราะมีกันแค่ 3 คนพ่อแม่ลูก ทำอะไรก็จะบอกกันเสมอ”

ในเรื่องของการทำงาน พี่สายันห์ เผยแง่มุมที่น่าสนใจว่า…เคยนะที่โดนลูกค้าพูดไม่ดีใส่หน้า เพราะมียาคูลท์ไม่เพียงพอส่งให้ลูกค้า

ดิฉันไม่เคยโกรธพวกเขาเลย ใครจะรวยหรือจะจนก็ซื้อยาคูลท์ขวดละเท่ากัน แต่กลับขอบคุณเขาด้วยซ้ำที่ให้โอกาสเรา เขาจ้างเราไปส่งยาคูลท์นะ

ลูกค้าทุกคนเสมอภาคกัน ถ้าเราซื่อสัตย์กับลูกค้า ลูกค้าก็ซื่อสัตย์กับเรา…

จนวันหนึ่งเธอพิสูจน์ให้เห็นว่า สามารถซื้อใจลูกค้าได้ จากที่เธอเป็นสาวส่งยาคูลท์ที่ตรงเวลา ถ้าวันไหนไปส่งช้าก็จะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น อ

ยู่ไหนแล้ว ? เป็นอะไรหรือเปล่า ? ทำไมยังไม่มาส่งยาคูลท์ ? นี่คือคำถามจากลูกค้าที่น้ำเสียงแสดงความห่วงใย จนสาวยาคูลท์ในวัย 58 ปีคนนี้ ได้เข้าไปเป็นเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

จากเด็กตัวเล็ก ๆ ที่ดื่มยาคูลท์ วันนี้เติบโตเป็นเอกอัครราชทูต ผู้พิพากษา ทนายความ ครู ตำรวจ ก็ยังยกมือไหว้และเข้ามาทักทายพี่สายันห์ว่า

“สาวยาคูลท์ของตระกูล” มันกลายเป็นความรู้สึกดีมาก ๆ ที่สาวยาคูลท์ผู้นี้ไม่เคยลืม

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่เป็นสาวยาคูลท์ เธอปฏิบัติตามคำแนะนำของหัวหน้า รวมถึงมีความรับผิดชอบในหน้าที่ที่ต้องทำ

เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้บริษัทได้เห็นว่าเธอมีความตั้งใจจริง

และการที่ได้เป็นสาวยาคูลท์นั้นนอกจากจะมีรายได้ที่มั่นคงแล้ว บริษัท ยาคูลท์ ยังใส่ใจครอบครัว โดยช่วยเหลือให้ทุนการศึกษาบุตร

ที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยของรัฐบาลได้จนจบปริญญาตรี ซึ่งเธอคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้เลย

มากไปกว่านั้นน้ำพักน้ำแรงที่เธอภูมิใจที่สุดในชีวิต คือ เธอกับสามีรู้จักบริหารเงิน ซึ่งเงินที่ได้จากการทำงานสามารถซื้อที่ดินได้ 34 ไร่

ซื้อที่นาอีก 2 แปลง 13 และ 9 ไร่ และซื้อที่ดินในเขตเทศบาล จ.ชัยนาท ไว้อีก 4 ไร่ ปล่อยเช่าอาคารพาณิชย์อีก 1 คูหา และมีบ้านที่ย่านรังสิตอีก 1 หลัง

โดยพี่สายันห์บอกเคล็ดลับว่า…ดิฉันไม่ได้รวยอะไรเลย แต่รู้จักใช้เงินให้เป็น แบ่งออกเป็น 3 ส่วน 1.เงินเก็บออม 2.เงินใช้หนี้ และ 3.ค่าใช้จ่ายในบ้าน

โดยตลอดชีวิตการทำงาน มีคำ 3 คำที่เธอยกย่องว่าเป็นการอดที่ดี “อดทน-อดกลั้น-อดออม” ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้รับการถ่ายทอดสู่ลูกชายในวัย 32 ปี

เขาจึงอยากให้แม่พักจากงานสาวยาคูลท์บ้าง เพราะเงินเก็บที่ออมที่มีทั้งหมดของเขาก็มีไม่ต่ำกว่า 2.6 ล้านบาท

แต่ทุกวันนี้พี่สายันห์ก็ยังยืนยันกับลูกชายว่า “แม่ขอเป็นสาวยาคูลท์ต่อไป” เพราะหน้าที่สำคัญและละทิ้งไม่ได้ คือ การได้เห็นลูกค้าดื่มนมเปรี้ยวที่มีประโยชน์ทุก ๆ วัน

 

แหล่งที่มา : dailynews

เรียบเรียงโดย baansuann.com