ผกก.เมืองพัทลุง สั่งย้ายนายดาบตำรวจ หลังโผล่รีดเงินแม่ค้าอาหารทะเล

วันนี้เราจะมาติดตามกรณีที่สืบเนื่องจากที่ นายไสว รุยันต์ สื่อมวลชนประจำจังหวัดพัทลุง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “หนักไปนะ.. ร้องมาก็ว่ากันไป​ตำรวจเมืองพัทลุง​ ตั้งจุดตรวจก่อนเคอร์ฟิว​ เรียกจับแม่ค้าขๅยของกลับจากตลาดนัด​ เรียกเงิน​ 8 ​หมื่นบาท​ บริเวณทางเข้าบ้านเขาแดง​ ต่อรองเหลือ ​1 หมื่นบาท​ จริงเท็จแค่ไหน​…

ผู้การพัทลุงลองตรวจสอบบ้าง​ อย่าหากินบนความทุกข์ของชาวบ้าน​ ผิดว่าไปตามผิด​ อย่ายัดเยียดแล้วเรียกรับ​ เพราะพฤติกรรมแบบนี้มีบ่อยกับตำรวจนิสัยเปsตบางคน… จนทำคนอื่นเสีย”

กระทั่ง แม่ค้าขๅยอาหารทะเลสด ได้ออกมาร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งถูกจับกุมหลังจากกลับมาจากรับหอย ปูและปลาทู จากในพื้นที่ จ.ตรัง และเดินทางกลับบ้านที่ จ.พัทลุง ในช่วงเคอร์ฟิว โดยเหตุเกิดพื้นที่ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.ผ่านมา

ซึ่งเธอเปิดเผยว่าโดนเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวตั้งด่านตรวจ พร้อมกับเรียกเงิน 80,000 บาท จนเจรจากันได้ลดเหลือที่ 1 หมื่นบาทแต่ตนก็ยังมีไม่ครบ ทางชุดจับกุมได้ต่อรองเอาปู หอย กุ้ง ที่อยู่ในรถ คิดเป็นเงิน 4,300 จนครบ พร้อมบอกอย่าได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร

และเมื่อโอนเงินเสร็จ ก็โกรธสุด ๆ ตรงที่ตำรวจชุดนี้ กำลังนั่งกินเຫล้ากันอยู่ และให้ตนนั่งแกะหอยนางรมให้พวกเขากินจนหลังเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้าน ตอนนี้ตนกลัวสุด ๆ หลังจากตำรวจชุดดังกล่าวโทรมาขู่ และคุпคามหลังมีการเเชร์ในโลกโซเชียล ทั้งนี้ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ชุดจับกุมมีตำรวจระดับสารวัตร โดยตำรวจขอตรวจค้นและจับกุมนำตัวส่ง สภ.เมืองพัทลุง เรียกเงิน 80,000 บาท

ล่าสุด นายไสว รุยันต์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแฉอีกว่า “ทุกคนต้องร่วมมือ… กำจัดสีกากี​ ที่คอยสร้างความอัปปรีย์ให้กับชาวบ้าน… ขอพลังสื่อ​ พลังโซเซียล​ ช่วยกันดันให้สุด ๆ ขุดจนไม่มีที่ยืนในสังคม… พร้อมใจกันนะกับการเอาเปรียบหากินบนความทุกข์ชาวบ้าน… ผู้บังคับบัญชามีเอี่ยว​อุ้มและเข้าข้างช่วยกันประณามเร็ว…”

โดยก่อนหน้านั้นนายไสว รุยันต์ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “คือจุดที่ตำรวจกินเຫล้าช่วง เคอร์ฟิว หากชาวบ้านกินจับ แต่ตำรวจกินแปลกทำไมไม่จับทั้งที่เป็นสถานที่ราชการ พร้อมทั้งแว่วมาจากตำรวจวงในงานนี้ ตำรวจใหญ่ถือหางเรียกรับเงิน แถมจะไม่เอาผิด สารวัตร พร้อมลูกน้อง นี่แหละตำรวจเมืองลุงเรา…ขอพลังโซเชียลช่วยกันจัดการให้ถึงที่สุดนะครับ…”

ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีตามที่สื่อสังคมออนไลน์นำเสนอข่าว “แม่ค้าถูกจับเคอร์ฟิว ตำรวจรีดเงิน ยึดอาหารทะเล เดือดสุดต้องนั่งแกะให้กินแกล้มเຫล้า” ว่า

ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองพัทลุง สืบเนื่องจากกรณีที่มีแม่ค้าขๅยอาหารทะเลสด ร้องขอความเป็นธรรมต่อสื่อ และมีการโพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดีย วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่สังกัด สภ. เมืองพัทลุง

โดยระบุว่าได้ถูกตำรวจจับกุมหลังจากกลับมาจากรับหอย ปู และปลาทู จากในพื้นที่ จ.ตรัง และเดินทางกลับบ้านที่ จ.พัทลุง ในช่วงเคอร์ฟิว เหตุเกิดพื้นที่ อ.เมือง จ.พัทลุง เมื่อคืนวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยตำรวจได้เรียกเงินเป็นจำนวน 80,000 บาท ได้มีการต่อรองเหลือ 40,000 บาท

และสุดท้ายที่ 10,000 บาท โดยตนไม่มีเงินสด จึงขอยืมจากญาติของสามีมาได้ 5,700 บาท แต่เงินไม่ครบจำนวน 10,000 บาท ทางชุดจับกุมได้ต่อรองเอาอาหารทะเลที่อยู่ในรถ คิดเป็นเงิน 4,300 จนครบ และเมื่อโอนเงินเสร็จ ตำรวจกำลังนั่งกินเຫล้ากันอยู่ และให้ตนนั่งแกะหอยนางรมให้พวกเขากินจนหลังเที่ยงคืนกว่าจะได้กลับบ้าน

ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าว ผกก.สภ.เมืองพัทลุง ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว ประกอบกับได้มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจ ยศดาบตำรวจ ซึ่งเป็นผู้ที่ชื่อปรากฎอยู่บนสลิปโอนเงิน พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่งานสืบสวน โดยให้มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการสถานีตำรวจภูธรเมืองพัทลุง ไม่ให้พบปะกับประชาชน

พร้อมรายงานข้อเท็จจริงให้ทราบภายใน 3 วัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน ที่เกี่ยวข้องและรอสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงผู้ที่เกี่ยวข้อง และความผิดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

รองโฆษก ตร . กล่าวอีกว่า ขอให้ผู้ที่ได้รับความเสียหาย นำพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งคงต้องรอให้ต้นสังกัดที่เกี่ยวข้อง ทำการสืบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ซึ่งหากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจทำผิด ไม่มีการปล่อยไว้ หรือให้การช่วยเหลือกันอยู่แล้ว จะดำเนินการทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาดตามขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางผบ.ตร.ได้รับรายงานถึงกรณีดังกล่าวแล้ว

และได้กำชับให้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว และเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบว่ามีตำรวจกระทำผิด ให้ต้นสังกัดดำเนินคดีทางอาญาและทางวินัยอย่างเด็ดขาด ไม่ปล่อยไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป

แกล่งที่มา: ไสว รุยันต์

เรียบเรียงโดย baansuann.com