สองสามีภรรยาร้องสื่อ ถูกยึดที่ดิน วอนตรวจสอบความเป็นธรรม ตัดพ้อไม่รู้จะพึ่งใคร

วันนี้เราจะพาทุกคนมาติดตามกรณีของสองสามีภรรยา ได้ออกมาร้องต่อสื่อ หลังจากที่ถูกยึดที่ดิน โดยนางลำไย จำนงค์ อายุ 62 ปี และนายมนัส จำนงค์ อายุ 65 ปี ชาว ตำบลคลุกดู อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ได้ร้องร้องทุกข์กับสื่อ

เนื่องจากวันที่ 26 มกราคม 2547 ลูกชายได้จะออกรถยนต์ซึ่งเป็นกระบะรถมือสอง โดยมีนายมนัสฯผู้เป็นพ่อค้ำกัน ต่อมาผ่อนได้ 2 ปีกว่า ไม่มีเงินไปจ่ายค่างวด จึงปล่อยให้ บริษัทไฟแนนซ์ยึกรถไป และทางเจ้าหน้าที่บริษัท ไฟแนนซ์ที่มายึดรถถึงบ้านได้แจ้งหนี้ว่า ยังมีหนี้ที่ค้างชำระเป็นเงิน 17,000 บาท ( หนึ่งหมื่นเจ็ดพันบาท )

ต่อมาทราบว่าที่ดินของตนถูกขๅยทอดตลาดไปเมื่อปี 2559 จากนั้นได้ไปตรวจสอบทราบว่ามีคนซื้อที่ดินของตนไปจำนวน 2 ไร่ กับอีก 1 งาน จากธกส. ตั้งแต่ปี 2553 เนื่องจากนำที่ดินไปจำนองไว้กับ ธกส. ในราคา 90,000 บาท

โดยตนเองไม่เคยทราบเรื่องมาก่อน และเงินที่เจ้าของใหม่มาซื้อที่ดินไปได้มีการจ่ายหนี้ให้กับทางบริษัทไฟแนนซ์ 20,000 หมื่นบาท และได้ให้กับทาง ธ.ก.ส. อีก จำนวน 50,000 บาท ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาตนถูกคนโทรศัพท์ข่มขู่ให้ออกจากพื้นที่

โดยลำไยได้ขอความช่วยเหลือไปยังศูนย์ดำรงค์ธรรมแล้วโดยทางศูนย์ดำรงค์ธรรม นั้นเคยติดต่อกับผู้ที่อ้างว่าซื้อที่ดินของนางลำไยไป และได้คำตอบว่า อันนี้ผมไม่รู้ ผมซื้อจากกองบังคับคดีของ บริษัท ไฟแนนซ์ ซื้อแบบถูกต้องตามกฎหมาย

ซึ่งนางลำไย บอกว่าตน ก็ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครได้อีกจึงได้ติดต่อผู้สื่อข่าว ขอความเป็นธรรมว่าเรื่องที่ดินของตัวเอง ที่ผ่านมานั้นนางลำไยมีความสงสัยมาตลอดว่ามันถูกต้องหรือไม่ และยังมีความสงสัยว่าตัวเองจะถูกโกงที่ดินของตัวเองโดยไม่ชอบธรรม

ขณะที่นายมนัส ได้เปิดเผยว่า ทุกวันนี้มีเงินใช้ก็ไม่เพียงพอกับหลานๆ ที่กำลังเติบโต จึงไม่สามารถนำเงินไปซื้อที่ดินของตัวเองคืนกลับมา และคิดไว้ว่าหากที่ดินซึ่งเป็นผืนสุดท้ายหากถูกยึดไป ก็จะขอจบชีวิตทั้ง 4 ในบ้านให้พ้นกรรมกันไป

แต่หากเป็นไปได้ก็อยากจะขๅยไต สักข้างหนึ่งเพื่อนำเงินมาซื้อที่ดินไว้ให้หลานทั้งสองคนไว้เพื่อให้มีที่อยู่ที่อาศัยต่อไป แต่อยากให้มีการตรวจสอบก่อนว่าการกระทำดังกล่าวเป็นไปตามกฏหมายที่ถูกต้องแท้จริงหรือไม่ว่าไม่ถูกโกง

แหล่งที่มา: ch3thailandnews

เรียบเรียงโดย baansuann.com