เปิดบ้าน “สมจิตร จงจอหอ” ที่ จ.นครราชสีมา อยู่กับครอบครัวสุดอบอุ่น

อีกหนึ่งบุคคลดังที่พูดถึงวงการมวยไม่มีใครไม่รู้จัก อย่าง “สมจิตร จงจอหอ”  นักมวยที่ได้รางวัลมากมายและโด่งดัง ในนักชกเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 2008  ต่อมาได้รับการอวยยศเป็น “พันตรี” อย่างเป็นทางการในวัย 45 ปี

ซึ่งก็ได้มีเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการมวย และแฟนคลับ ต่างร่วมแสดงความยินดีผ่านช่องทางโลกโซเชียลเป็นจำนวนมาก


วันนี้จะขอย้อนไปคุยชีวิตของเขา  พร้อมเปิดบ้านที่อยู่กับครอบครัวมาให้ทุกคนได้ชมกัน ขอถามก่อน เข้าสู่วงการมวยได้อย่างไร สมจิตร เล่าว่า “ผมอยากได้ของเล่น บ้านมีพี่น้อง 7 คน”

“ผมเป็นคนเล็ก อยากได้แก๊ปกระบอกหนึ่ง แม่ไม่มีให้ เลยให้พี่ชายพาไปเปรียบมวยในงานวัด ก็ได้ขึ้นเวทีเย็นนั้นเลย ชนะได้มาร้อยนึง ผมเอาตังค์นั้นแหละมาซื้อแก๊ป”

“คิดในใจ เล่นมวยได้ตังค์นี่หว่า ได้ของเล่นที่อยากได้ เหลือตังค์ให้แม่ด้วย เอาวะ แก๊ปกระบอกนั้นกลายเป็นจุดเริ่มต้นให้อยากเล่นมวย และไปงานวัดตลอด” สมจิตเล่า

“พอจบม.3 แม่ไม่มีตังค์ส่งเรียน ทรัพย์สินที่บ้านไปหมดแล้ว เลยขอแม่ไปต่อยมวยที่ชลบุรี เพื่อนที่เรียนจบ ป.6 มาด้วยกัน มันชวนไปอยู่ด้วย ไปเล่นมวยไทยเป็นอาชีพจริงจัง”


“ใช้ชื่อ “ศิลาชัย ว.ปรีชา” เป็นนักมวยระดับกลางๆ ค่าตัว 6 หมื่นบ. พอมีชื่อในระดับหนึ่ง ผมส่งตังค์ให้แม่เรื่อยๆ เอาไปซื้อปุ๊ย ซื้อยา ทำนา ภูมิใจที่ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวได้”

แล้วมาชกมวยสากลฯ ตอนไหน “อายุ 21 ปี เริ่มชกแพ้บ่อย เลยตัดสินใจเลิกชกไปเลย ออกไปทำงานอยู่ร้านซักรีดกับพี่สาว รีดผ้าอยู่เห็นทีวีประกาศขอเชิญผู้ชายอายุตั้งแต่ 18”

“แต่ไม่เกิน 25 ปี เข้าร่วมการแข่งขันมวยชิงแชมป์แห่งประเทศไทยเพื่อคัดตัวเป็นทีมชาติ เราก็เอาเว้ย ลองวะ ไปสมัครที่สมาคมฯ อีกสองเดือนกว่าจะมีการชก”

“ผมไปขอซ้อมที่ค่ายมวยคลองเตย ถึงเวลาขึ้นชก ไฟท์แรกชนะ ไฟท์สองแพ้ สมรถ คำสิงห์ พี่ชายสมรักษ์ คำสิงห์ ก็คิดว่าจบแล้วชีวิตนักมวย”

“แต่เผอิญไปเข้าตา พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ เขาติดต่อให้ไปชกให้ทหารบก เราก็เอา บรรจุให้เป็นทหาร พลอาสาสมัครรับเงินเดือนละ 4,100 บ.”

“ต่อยมวยให้กองทัพ ได้เหรียญทองเรื่อยมา สุดท้ายก็เลยติดทีมชาติชุดซี ถ้าเขาไม่เอาผมตอนนั้น อาจจะนั่งดมถุงกาวอยู่แถวคลองเตยแล้ว” เป็นนักมวยที่แก่ที่สุดที่ได้แชมป์ “33 ปี 7 เดือน เป็นเรคคอร์ดของโอลิมปิกเลย นักมวยที่แก่ที่สุดที่ได้เหรียญทอง”

อะไรทำให้เราเป็นแชมป์ “ประสบการณ์นะ ความแก่ของผมมันมีประสบการณ์ที่ทำให้เราได้นั่งคิด ไตร่ตรอง ฝึกตัวเองใหม่จนทำปีนั้นผมแข็งแกร่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง ร่างกาย หัวใจ วิธีคิด สมาธิ”

“อีกเรื่องคือพรแสวง ผมไม่ใช่คนที่โดดเด่น ไม่มีพรสวรรค์ติดตัวมาเลย วิจารณ์ พลฤทธิ์ เล่นมวยสากลไม่เกิน 20 ครั้ง ไปต่อยโอลิมปิกได้เหรียญทองเลย”

เรียกได้ว่าเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับน้องๆ เด็กๆ ที่กำลังมีฝันได้ดีมากๆ เลย สำหรับ สมจิตร ที่มีความพยายาม ฝึกฝนตัวเองจนเก่งและได้แชมป์ สำหรับใครที่กำลังอยากทำตามฝันแต่ไม่มีพรสวรรค์ เราเชื่อว่าการฝึกฝนจะพาเราไปถึงฝันได้ อย่างที่พี่สมจิตรทำ

 

แหล่งที่มา : เฟซบุ๊ก ผู้นำข่าวบันเทิง

เรียบเรียงโดย :baansuann.com