วันนี้เราจะมาติดตามกรณีเมื่อวันที่ 2 พ.ย. 63 ที่บริเวณ สภ.ป่าโมก ตำบลป่าโมก อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง นาย ธนวรรณ วิฆเนศ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 411/ค หมู่ที่ 3 ตำบลป่าโมก อำเภอป่าโมก
ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.นิสิต นิวรณุสิต สารวัตรสอบสวน สภ.ป่าโมก พร้อมด้วยภาพถ่ายและคลิปภาพจากกล้องหน้ารถยนต์
เพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน หลังมีปากเสียงกับ นาย ชูชาติ เกตุจำปา หรือลุกโหนก อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107/ค หมู่ที่ 3 ตำบลป่าโมก ซึ่งเป็นลุงแท้ ๆ ของตนเอง
เนื่องจากทนไม่ไหวที่ลุงของตนเองที่อยู่บ้านตรงข้ามกัน เลี้ยงวัวในเขตชุมชนมานานกว่า 20 ปี แล้ว ส่งกลิ่นเหม็นของขี้วัวจนชาวบ้านในชุมชนเดือดร้อน
แถมยังนำวัวมานอนอยู่บนถนนสาธารณะกีดขวางทางเข้าออก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนของวันที่ 31 ต.ค. 63 หลังมีปากเสียงกันถูกลุงโหนกขู่จะวางตะปูเรือใบ
และข่มขู่ว่าตนเองมีพรรคพวกกฎหมายสู้กฎหมู่ไม่ได้ จึงได้นำทั้งภาพและคลิปจากกล้องหน้ารถยนต์มาโพสต์ในสื่อออนไลน์ และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพราะสุดที่จะทนและกลัวคำข่มขู่
จากการสอบถาม นาย ธนวรรณ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันลอยกระทง หลังขับรถยนต์ออกไปลอยกระทงกับแม่ เมื่อขับรถยนต์เข้ามาในซอยบ้านพบวัวนอนอยู่บนถนน
ซึ่งถนนดังกล่าวเป็นถนนหลวง จึงได้ค่อย ๆ ขับรถยนต์ไปชิดวัว เพื่อจะให้วัวลุกหนี
ซึ่งในคลิปภาพตนเองยังชมวัวว่าฉลาดลุกหนีรถ แต่ลุงโหนกตะโกนจากในบ้านหาว่าตนเองขับรถชนวัว แล้วพูดว่าอย่างนี้ต้องโดนตะปู มีกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย
ด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรง และจะต้อญาติขาดมิตร ซึ่งที่ผ่านมาตลอดเวลา 20 ปี ตนเองและชาวบ้านในหมู่บ้าน ได้รับความเดือดร้อนต้องทนอยู่กับกลิ่นขี้วัว
และลุงโหนกยังไม่ชอบเก็บวัวเข้าคอกในเวลากลางคืนอีกด้วย ครั้งนี้ตนเองทนไม่ไหวจึงได้นำภาพโพสต์ลงในสื่อสังคมออนไลน์ และเดินทางมาลงบันทึกประจำวัน
ซึ่งตนเองเคยร้องเรียนไปที่เทศบาลตำบลป่าโมก เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว พอหลังจากนั้นก็เหมือนเดิม โดยการเลี้ยงวัวในชุมชนเป็นการผิด พ.ร.บ.สาธารณสุข
ด้าน นาย ชูชาติ หรือลุกโหนก เผยว่า ตนเองและครอบครัวเลี้ยงวัว จำนวนกว่า 38 ตัว ในที่ของตนเอง ซึ่งมีบ้านของหลานชายอยู่ตรงข้าม
โดยมีคอกวัวอยู่ติดกับบ้านหลานชายและใต้ถุนบ้าน โดยวันเกิดเหตุ นางเป็ด วัวที่เลี้ยงไว้ท้องแก่กำลังใกล้คลอด จึงได้ปล่อย นางเป็ด ขึ้นมานอนอยู่บนถนนซึ่งเป็นที่แห้ง เมื่อหลานของตนเองขับรถกลับเข้ามา
ตนเองเห็นว่าหลานพยายามขับรถชนวัว ตนเองกลัวว่าวัวที่กำลังใกล้คลอดจะแท้ง จึงได้ตะโกนว่าไปจนมีปากเสียงกัน
ตนเองมีศักดิ์เป็นลุงไม่ได้คิดที่จะทำอะไรหลาน เพียงแค่ด่าและขู่ออกไปตามประสาญาติด้วยความโมโหเท่านั้u
สอดคล้องกับ นาง บุญเรือน ภรรยา เปิดเผยว่า ตนเองแอบเห็น นาย ธนวรรณ ขับรถยนต์ไล่ชนวัวอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่อยากจะมีเรื่อง ตนเองคิดว่าหลานคงไม่พอใจที่จะมาขอพื้นที่คอกวัวทำโรงจอดรถ
แต่ตนเองไม่อนุญาตเพราะกลัวว่าหลานจะถือสิทธิยึดครอง ทำให้ทะเลาะกันในวันข้างหน้า
ด้าน นาง กฤษณา วิฆเนศ อายุ 56 ปี แม่คู่กรณีซึ่งเป็นน้องสาวลุกโหนก กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองและลูกชายก็ทนมาตลอดเพราะเห็นเป็นญาติพี่น้องกัน
แต่เมื่อวันลอยกระทง นาย โหนก ตะโกนต่อว่าข่มขู่หลานชายด้วยถ้อยคำรุนแรง แล้วประกาศตัดญาติทำให้ต้องนำภาพไปโพสต์ในสื่อออนไลน์และเดินทางไปลงบันทึกประจำวัน ส่วนตนเองก็เห็นว่าเป็นญาติพี่น้องกันทั้งนั้น
ส่วนทางด้านชาวบ้านในชุมชน นาง ศรีนวล รอดเจริญ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 513/ค หมู่ที่ 3 ตำบลป่าโมก ชาวบ้านที่อยู่อีกซอย
เปิดเผยว่า ชาวบ้านในชุมชนได้รับความเดือดร้อนจากคอกวัวของลุงโหนกและครอบครัวเป็นจำนวนมาก เพราะลุกโหนกเลี้ยงวัวไม่รักษาความสะอาดภายในคอก วัวขี้เรี่ยราดไปทั่วบริเวณ
เวลาทำการคุ้ยขี้วัวไปขๅยก็จะส่งกลิ่นเหม็นมากไปทั่วชุมชน ชาวบ้านหลายรายเป็นโรคหอบถึงกับอยู่ไม่ไหว กินข้าวไม่ลง ที่ผ่านมาชาวบ้านอยู่กันแบบพี่น้อง ก็ไม่อยากให้มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็ต้องทนอยู่กับกลิ่นขี้วัวที่ส่งกลิ่นเหม็น
เมื่อชาวบ้านพูดกับลุงโหนกก็จะบอกว่าเลี้ยงในที่ของตนเอง โดยชาวบ้านอยากจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยลงพื้นทีมาตรวจสอบ และให้ลุงโหนกนำวัวไปเลี้ยงด้านนอกชุมชน เพื่อให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างมีความสุขต่อไป
แหล่งที่มา: komkhaotuathai
เรียบเรียงโดย baansuann.com