รั ฐ เสนอเงินให้ 45 ล้าน แต่เจ้าของบ้านต่อรองจะเอา 1.3 พันล้าน

การพัฒนาบ้านเมืองหรือสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะได้อย่างราบรื่น ทำให้บ้านเก่าในท้องถิ่นต้องเผชิญ ช ะ ต า ก ร ร ม

ของการรื้อถอนเพื่ออำนวยเเก่การสร้างใหม่ อย่างไรก็ตามก็จะมีเจ้าของบ้านบางคนที่ไม่ยอมย้ายออก กลายเป็น “บ้านตะปู” โดดเดี่ยวอยู่ตรงกลาง

สื่อต่างประเทศรายงานว่า ในปี 2002 ที่เซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ได้มีเจ้าของบ้านหลังหนึ่งไม่ยอมย้ายออก

ทั้งที่รอบข้างย้ายออกไปหมดเเล้ว เหลือเพียงหลังนั้นหลังเดียว

เจ้าของบ้านลังเลที่จะย้ายด้วยสาเหตุที่ว่า เรียกร้องอยากให้ผู้สร้างชดเชยเงินให้เป็นจำนวน 300 ล้านหยวน (ราว 1.3 พันล้านบาท)

เเละเรื่องราวนี้ได้กลายเป็นข่าวดึงดูดความสนใจของชาวเน็ตทั่วโลก เเละถู กระบุว่าเป็น “บ้านตะปูที่ บ้ า ที่สุดในโลก”

เเละเเน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้สร้างจะยอมรับเงื่อนไขที่เขาเสนอมา เพราะในตอนเเรกผู้สร้างเสนอค่าชดเชยให้ 1 ล้านหยวน (ราว 4.5 ล้านบาท)

หลายบ้านบริเวณนั้นยินดีรับเงินดังกล่าวไว้เเละย้ายออกไป เหลือเพียงบ้านหลังนี้ที่ไม่ยอมย้ายออกไป

ปัจจุบันผ่านไปเเล้วกว่า 17 ปี สภาพบ้านกลายเป็นดังภาพที่เห็น บ้านหลังนี้มี 3 ชั้น

เขาคิดว่าตำเเหน่งบ้านของตนเองนั้นดีมาก อยากจะกอบโกยเงินให้มากกว่านี้ จึงลังเลไม่ยอมย้ายออกไป

จากนั้นก็พยายามต่อรองกับผู้สร้าง จนผู้สร้างยอมประนีประนอมว่า จะเพิ่มเงินชดเชยให้เป็น 10 ล้านหยวน (ราว 45 ล้านบาท)

เเต่เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไม่ยอม ยืนกรานจะขอเงินชดเชย 300 ล้านหยวน (ราว 1.3 พันล้านบาท) มิเช่นนั้นจะไม่ยอมย้ายออก

เมื่อตกลงกันไม่ได้ผู้สร้างจึงเริ่มการก่อสร้างด้วยการเคลียร์ปรับพื้นที่ ตามเเบบที่วางไว้ เเต่จะไม่ไปยุ่งกับบ้านหลังนั้น

กระทั่งผ่านไป 17 ปี จะเห็นว่ารอบข้างสร้างเป็นตึกสูง ไปหมดเเล้ว เหลือเพียงบ้านหลังนี้ที่ยังเป็นบ้าน 3 ชั้นเก่าเเก่อยู่

ทำให้มีชาวเน็ตจำนวนมากวิพากษ์วิจารณ์ว่า..

“สมัยเมื่อ 17 ปีก่อน การได้เงิน 10 ล้านหยวนถือว่าเยอะมากเเล้ว ที่จริงน่าจะรับไว้นะ”

“เจ้าของบ้านทำไมไม่เอาเงินไปซื้อที่ดินที่อื่น ปานนี้คงจะมีราคาพุ่งทะลุไปถึงไหนต่อไหนเเล้ว กำไรมากมาย”

“จริงด้วย ไม่เเน่ชีวิตการเป็นอยู่อาจจะดีกว่านี้นะ”

“เฮ้อ! นี่ถ้ารอไปอีกหน่อยนะ น่าจะไม่ได้ค่าชดเชยสักบาทเเน่ๆ”

“อยู่ได้ไงไม่มีเพื่อนบ้านเลย”

 

 

แหล่งที่มา thousandreason

เรียบเรียงโดย  baansuann.com