เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ไม่ได้เจอหน้าแม่มา 15 ปี รับจ้างทุกอย่างหาเงินเลี้ยงดูตา-ยาย ไม่มีเงินเรียนต่อ

วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวของเด็มหนุ่มจากจังหวัดยะลา ซึ่ง นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา สั่งการให้ นายธีรุตม์ ศุภวิบูรย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เดินทางเข้าเยี่ยมครอบครัวของ “น้องเบส” หรือนายชูเกียรติ เนียมเกตุ อายุ 18 ปี นักเรียนแผนกช่างยนต์ ของวิทยาลัยเทคนิคยะลา

หลังทราบว่าน้องเบส ได้อาศัยอยู่กับตา-ยายที่พิпาร อีกทั้งมีฐานะค่อนข้างลำบาก ต้องเป็นเสาหลักในการประกอบอาชีพรับจ้างทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงดูตา-ยายพิпาร ขณะที่ตนเองก็ต้องเรียนหนังสือไปด้วย

โดยเมื่อเดินทางมาถึงบ้านเลขที่ 13/2 หมู่ 1 ต.ตาชี อ.ยะหา จ.ยะลา ก็พบกับ นายบุญมี แม้นรัตน์ อายุ 71 ปี นางประไพ แม้นรัตน์ อายุ 67 ปี ผู้เป็นตาและยาย ที่อาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียวสภาพกลางเก่า และมีนายทรงวุฒิ ดำรงกุล ประธานชุมชน พร้อมด้วย นางสาวประไพ จันทรังษี นางภิรมย์ กูลสุวรรณ์ อาสาสมัครบริบารท้องถิ่น ซึ่งเข้ามาดูแลผู้พิпารในชุมชน

โดยนายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้เข้าเยี่ยมดูความเป็นอยู่ของครอบครัว พร้อมทั้งได้สอบถามถึงสภาพความเป็นอยู่ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินชีวิต รวมถึงการศึกษาของนายชูเกียรติ เนียมเกตุ

ซึ่ง “น้องเบส” หรือนายชูเกียรติ เนียมเกตุ ได้เล่าให้ฟังว่า ได้อาศัยอยู่กับตาและยาย ซึ่งพิпารทางด้านสมองเป็นอัลไซเมอร์ทั้งสองคน ตั้งแต่ตัวเองจำความได้ เมื่อโตขึ้นก็เรียนหนังสือ และบางวันก็ต้องออกรับจ้างในหมู่บ้าน ไม่ว่าใครจะว่าจ้างทำอะไร ก็รับจ้างทำงานไปทั่วเพื่อหาเงินมาจุนเจือเลี้ยงดูครอบครัว

ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะดูแลตาและยาย ขณะเดียวกัน ตนเองก็ไม่เคยพบเจอแม่ผู้ให้กำเนิดมาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปีแล้ว จนจำหน้าแม่ไม่ได้ จำได้เพียงแต่ชื่อว่า ชื่อนางขวัญ แม้นรัตน์ ส่วนผู้เป็นบิดา ก็ไม่เคยรู้จักเลย ตอนนี้ตนเองเรียนหนังสืออยู่ในแผนกช่างยนต์ของวิทยาลัยเทคนิคยะลา ต้องอาศัยรถรับส่งจากบ้านไปเรียนทุกวัน

และยังคงติดค้างค่ารถรับส่งเดือนละ 1,200 บาทเป็นเวลา 2 เดือนแล้ว บางวันก็ไม่มีเงินไปเรียน เวลาพักเที่ยงก็ต้องแอบไปนั่งคนเดียวเพราะไม่มีเงินทานข้าว บางครั้งหยิบยืมจากเพื่อนรึลุงที่ขับรถรับส่งบ้าง โดยตนเองมีความตั้งใจที่อยากจะศึกษาต่อให้จบในระดับ ปวส.แต่เนื่องจากไม่มีเงินค่าเทอม จึงไม่รู้ว่าจะได้เรียนต่อหรือไม่ นอกจากนี้ “น้องเบส” ยังบอกอีกว่า หากเป็นไปได้ตนเองอยากพบหน้าแม่สักครั้ง

ทางด้านนายทรงวุฒิ ดำรงกูล ประธานชุมชนบ้านตาชี เปิดเผยว่าน้อง เป็นเด็กที่ไม่ค่อยพูดคุยสักเท่าไหร่ แต่มีความรับผิดชอบ ที่จะทำงานหาเงินเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ไม่เกเร ซึ่งคนในชุมชนจะรู้กันดี

ในส่วนของนางสาวประไพ จันทรังษี อาสาสมัครบริบารท้องถิ่น ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลผู้พิпารภายในชุมชน ก็บอกว่า ตากับยายนั้น มีความพิпารทางด้านสมองซึ่งยายมีอาการความจำเสื่อม และตามีอาการของเส้นโลหิตในสมองตีบ ทำให้พูดจาไม่ค่อยจะรู้เรื่อง

แต่ “น้องเบส” ซึ่งถือว่าเป็นเสาหลักของครอบครัว ก็มีความรับผิดชอบ ที่หางานทำไปด้วย และเรียนไปด้วย เลี้ยงดูครอบครัวไปด้วย ซึ่งตนเอง ก็ได้เข้ามาดูแลตากับยายในทุกวัน ทั้งการดูแลทางด้านร่างกาย การตรวจดูการรับประทานยา ตามหมอสั่ง และบางครั้งก็ทำกับข้าว และทำความสะอาดบ้าน ที่หลับที่นอนให้กับตาและยาย

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใจดีในชุมชน ได้นำ “น้องเบส” ไปฝากให้ฝึกงาน ที่ร้านประกอบการในจังหวัดยะลา เพื่อจะได้ฝึกงานตามหลักสูตรของการศึกษาให้จบการศึกษาในระดับ ปวช.

ทั้งนี้ นายธีรุตม์ ศุภวิบูลย์ผล รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้มอบเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นความห่วงใยจาก ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ให้กับ “น้องเบส” เพื่อนำไปใช้ดูแลครอบครัวและเป็นส่วนหนึ่งในการใช้จ่ายระหว่างการศึกษาเล่าเรียน

และรองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลครอบครัว รวมไปถึงการขอความอนุเคราะห์ไปยังวิทยาลัยเทคนิคยะลา เพื่อหาทุนการศึกษาให้กับนายชูเกียรติ เนียมเกตุ ได้ศึกษาต่อในระดับ ปวส.ต่อไป

โดยสภาพความเป็นอยู่ของบ้านพักนั้น ทราบว่า ทาง อบต.ตาชี ได้ให้เจ้าหน้าที่เข้ามาเดินสายไฟ เพิ่มเติม เนื่องจากก่อนหน้านี้ ทั้งบ้านนั้น มีไฟฟ้าใช้เพียงดวงเดียวเท่านั้u เจ้าหน้าที่ ที่มาสำรวจก็ได้จัดหาอุปกรณ์ไฟฟ้ามาต่อเติมให้ เพื่อเพิ่มความสว่างในยามค่ำคืนให้กับตาและยาย รวมถึง “น้องเบส”ด้วย

แหล่งที่มา ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน / tvpoolonline

เรียบเรียงโดย baansuann.com