สองเพื่อนรักกอดคอกันสู้ชีวิตหางานทำ สุดท้ายปลิดชีพเพื่อน เพราะเงิน 40 บาท

วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวสุดสะเทือน เมื่อวันที่ 1 ต.ค. 63 ร.ต.อ.พิทักษ์ สิงคำ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.คูเมือง อ.คูเมือง นำตัว นายสิทธิกร สุขแสง อายุ 31 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุใช้ด้ามเสียมเหล็กตี นายเอกราช มูลทอง อายุ 49 ปี จนเสีຍชีวิต

โดยตำรวจตามจับกุม นายสิทธิกร ได้ที่ถนนหลังโรงเรียนบ้านเขว้า หมู่ 4 ต.ปะเคียบ อ.คูเมือง เมื่อเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ระหว่างกำลังหลบหนีไป จ.ชลบุรี

นายสิทธิกร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนกับ นายเอกราช ผู้เสีຍชีวิตทำงานอยู่ จ.ชลบุรี หลังถูกเลิกจ้างเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงไม่มีงานทำ ผู้เสีຍชีวิตจึงชวนตนมาหางานทำที่บุรีรัมย์ โดยได้ไปอาศัยอยู่บ้านแม่ของ นายเอกราช และหารับจ้างทั่วไป ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนขอให้การในชั้นศาล บอกได้เพียงว่ามีปัญหาส่วนตัวกับผู้เสีຍชีวิต

ด้าน นางสมั่น มูลทอง อายุ 80 ปี แม่ผู้เสีຍชีวิตเล่าว่า เมื่อเดือนเศษที่ผ่านมา ลูกชายพา นายสิทธิกร มาขออาศัยอยู่ที่บ้าน เพราะตกงาน ตนก็ให้อยู่ เพราะเห็นรักกันดี โดยให้กินอยู่ที่บ้านทั้งหมด ทั้งสองจะพากันไปหารับจ้างทั่วไป ทั้งเกี่ยวหญ้า กรอกข้าวเปลือก จะได้ค่าจ้างวันละ 100-200 บาท พอช่วงเย็นก็ซื้อเxล้ามากินเป็นประจำ

วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. ตนเห็นสองคนทะเลาะกัน และเริ่มชกต่อยกัน ตนได้เข้าไปห้าม แต่ถูกนายสิทธิกร ด่ากลับมาว่า “อย่ามายุ่ง” และเห็นนายสิทธิกรใช้สิ่งของทุบลูกชายตัวเองแบบไม่ยั้ง จนกระทั่งมีชาวบ้านได้ยินออกมาช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสีຍชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนนายสิทธิกร อาศัยช่วงชุลมุนหลบหนีไป

นายโพธิ์ มูลทอง อายุ 79 ปี พ่อผู้เสีຍชีวิตเล่าว่า ได้ยินเสียงทั้งสองคนทะเลาะกันเรื่องเงินค่าจ้าง โดยผู้ก่อเหตุได้พูดคำว่า “พี่ไม่น่าโกงค่าแรงผม” เพราะลูกชายเป็นคนรับเงินค่าจ้างมาแล้วเอามาแบ่งกัน เท่าที่ทราบเงินหายไป 40 บาท ซึ่งอาจจะเป็นมูลเหตุของการปลิดชีพลูกชายในครั้งนี้

แหล่งที่มา: komchadluek

เรียบเรียงโดย baansuann.com