เปิดธุรกิจที่ใหญ่ระดับโลกของกษัตริย์บรูไน ผู้ครอบครองพระราชวังทองคำ มูลค่า 5 หมื่นล้าน

วันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ มาดูคลังมหาสมบัติ สุลต่านบรูไน หรือ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์

หนึ่งในราชาที่รวยที่สุดในโลก โดยพระองค์ทรงมีทรัพย์สินรวมกว่า 20,000 หมื่นพันล้านดอลลาห์สหรัฐ

หรือประมาณ 1.65 ล้านล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่ของพระองค์นั้นมาจาก อุตสาหกรรมปิโตรเลียม และ น้ำมัน

รู้หรือไม่ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ เคยเป็นบุคคลที่ร่ำรวยสุดในโลก

โดยความมั่งคั่งของพระองค์เผยให้เห็นในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยในขณะนั้น สุลต่านบรูไน

มีทรัพย์สินรวมมากกว่า 40,000 หมื่นพันล้านดอลลาห์สหรัฐ

สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ หนึ่งในราชาที่รวยที่สุดในโลก

Rolls Royce Phantom ราคารุ่นนี้เริ่มต้นที่ 53.5 ล้านบาท

แน่นอนว่าความมั่งคั่งของพระองค์นั้นต้องมาพร้อมกับ คลังมหาสมบัติ และ ไลฟ์สไตล์อันหรูหรา

ซึ่งที่ดูน่าจะทำเอาตะลึงงึงงันมากที่สุดก็คือ พระองค์ทรงมีรถหรูยี่ห้อ Rolls-Royce กว่า 600 คัน

ราคาคันหนึ่งไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท!

Koenigeggs

นอกจากนี้ในวัยหนุ่มพระองค์ยังมีรถซูเปอร์คาร์กว่า 7,000 คันรวมกับของ เจ้าชายเจฟรี โบลเกียห์ พระอนุชา

โดยแบ่งเป็น Ferrari มากกว่า 300 คัน, Koenigeggs 134 คัน, McLaren F1s 11 คัน

นอกจากนี้ยังรถซูเปอร์คาร์อีกหลาหลายแบรนด์ เช่น Porsche Carrera GT, Lamborghini Diablo Jota,

Porsche 959, Bugatti EB110, Lamborghini Murcielago LP640, Maybach 62,

Jaguar XJR-15,Dauer 962, Ferrari FX

1989 Ferrari Mythos

ขณะเดียวกันยังมี Bentley Continental R, Ferrari Mythos, Ferrari 456 GT Sedans,

Mercedes-Benz CLK-GTR , McLaren F1s และ Cizeta-Moroder V16T cars เป็นต้น

ไม่เพียงแค่รถหรูที่มีอย่างละลานตาแล้ว พระองค์ยังเป็นเจ้าของเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว

ที่หรูหราที่สุดอย่าง Boeing 747-400 และ Airbus 340-200 อีกด้วย

นอกจากรถซูเปอร์คาร์ที่มีมากกว่า 7,000 พันคัน บวกกับเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแล้ว พระราชวัง

ซึ่งเป็นที่ประทับของพระองค์นั้นก็ยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็นหนึ่งราชาที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

พระราชวังที่ว่าคือ Istana Nurul Iman ตั้งอยู่ห่างเมืองหลวงของประเทศเพียงไม่กี่กิโลเมตร

ภายในพื้นที่ 127 ไร่ ออกแบบโดยสถาปนิกนักชาวฟิลิปปินส์ชื่อดังนามว่า Leandro Locsin

ภาพวาดสีน้ำมัน “Young Girls at the Piano” ซึ่งวาดโดยศิลปินชาวฝรั่งเศส Pierre-Auguste Renoir

มูลค่า $70 ล้านดอลลาห์สหรัฐ หรือประมาณ 2.3 พันล้านบาท

ภายนอกนั้นใหญ่โต สุดลูกหูลูกตาแล้ว ภายในรั้วยังเว่อร์วัง อลังการ ดูรโหฐาน โอ่โถงสุด ๆ

พระราชวังแห่งนี้มีที่จอดรถถึง 800 คัน มีห้องต่าง ๆ ทั้งหมด 1,778 ห้อง และห้องน้ำ 57 ห้อง

รวมถึงห้องโถงขนาดใหญ่ไว้สำหรับทำพิธีต่าง ๆ ทั้งนี้พระราชวังแห่งนี้

ถูก Guinness World Records บันทึกไว้ด้วยว่าเป็น พระราชวังที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

นอกจากสมบัติพัสถานมากมายที่มีนับไม่ถ้วนของพระองค์แล้ว ไลฟ์สไตล์ของพระองค์ก็ถูกพูดถึงว่ามีความหรูหรา

เปย์หนักไม่แพ้กัน โดยพระองค์ และพระอนุชามักชอบจัดงานเลี้ยงสุดหรู รวมถึง

การแข่งขันกีฬาม้าโปโล, แข่งม้า, และทรงเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้ที่มีคนดัง

และสาวงามมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ซึ่งสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ยังได้จ้างนักร้องชื่อดังให้มาร่วมเอนเตอร์เทนในงานด้วยเช่น

เอลตัน จอห์น, ไดอาน่า รอสส์, สตีวี วันเดอร์, บอน โจวี, ทีนา เทอร์เนอร์ เป็นต้น

และอีกหนึ่งตำนานของความหรูหราคือ ครั้งหนึ่ง ขณะที่พระองค์ทรงม้าโปโลกับ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์นั้น

สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงสั่งให้ส่งรองเท้าของพระองค์ โดยเฮลิคอปเตอร์มายังสนามแข่งในพระราชวัง!

นอกจากนี้พระองค์ยังตัดสินใจซื้อจิเวลรี่มูลค่า 375 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 118 แสนล้านบาท

จากแบรนด์ Asprey London ในปี 2538 แบบไม่ต้องคิดให้ปวดหัว

ขณะเดียวกันในวันคล้ายวันพระราชสมภพปีที่ 50 ของสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ พระองค์ได้ทรงจ้าง ไมเคิล แจ็คสัน

ซึ่งค่าตัวของเขาอยู่ราว ๆ 17 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 535 ล้านบาท ให้มาเล่นคอนเสิรต์ในสนามกีฬาที่สร้างขึ้นเพื่องานนี้โดยเฉพาะ

แต่ที่พีคสุดดูเหมือนจะเป็นข่าวลือที่ว่าเมื่อครั้งที่พระองค์ทรงบินไปงานคอนเสิร์ตของ วิตนีย์ ฮิวสตัน

และทรงให้เช็คเปล่ากับเธอ พร้อมกับให้เธอกรอกค่าจ้างที่คิดว่าตัวเธอสมควรที่จะได้

ปิดท้ายด้วยการตัดผมที่แพงที่สุดในโลก โดยสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์

ทรงตัดพระเกษา ครั้งละ $22,000 ดอลลาห์ หรือประมาณ 726,000 บาท อิจฉาช่างตัดผมรายนั้นเสียจริง ๆ

เรียกได้ว่าในตอนนั้นพระองค์ทรงดำรงตำแหน่งบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกมาหลายปี

ถูกยกให้เป็นราชาที่ใช้เงินฟุ่มเฟือยมากที่สุด

จนกระทั่งในช่วงปลายยุค 90 เจ้าพ่อไมโครซอฟต์อย่าง บิลล์ เกต ก็ได้ขึ้นมาแทนที่อันดับ 1

และ อันดับขององค์สุลต่านบรูไนก็ได้ล่วงตกไปอยู่ลำดับที่ 3 ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

และการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยของเจ้าชายเจฟรี โบลเกียห์ พระอนุชาของพระองค์

ในตอนนั้นความบาดหมางระหว่างพระเชษฐาและพระอนุชาก็เริ่มก่อตัวขึ้น

เมื่อเจ้าชายเจฟฟรีเนรเทศตัวเองออกนอกประเทศ

อันเนื่องมาจากข้อกล่าวของ สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์

พระเชษฐาว่า พระองค์ยักยอกเงินของประเทศ

จากข้อกล่าวว่ายักยอกทรัพย์สินของประเทศกว่าหมื่นล้านดอลลาห์สหรัฐ จนทำให้อดีตเจ้าชายเจฟรีต้องเนรเทศตัวเองออกนอกประเทศแล้ว

พระองค์ยังถูกสั่งปลดพระยศและถูกอายัดทรัพย์สินทั้งหมดที่มี ให้ส่งกลับคืนแก่ประเทศบรูไนอีกด้วย

อย่างไรก็ตามข้อกล่าวหานี้อาจจะเข้าเค้าว่าเป็นความจริงเมื่อในช่วงปี 1983

โดยก่อนหน้านี้ องค์สุลต่านได้ตั้งให้ เจ้าชายเจฟรี โบลเกียห์

เป็นผู้อำนวยการสำนักงานการลงทุนแห่งบรูไน (Brunei Investment Agency, BIA)

ดูแลการค้าน้ำมันโดยตรงของประเทศ 3 ปี

ต่อมาองค์สุลต่านยังได้แต่งตั้งให้เป็น รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง รวมถึงเจ้าชายเจฟฟรียังเป็น

เจ้าของกิจการก่อสร้างของตัวเองในชื่อ Amedeo Development Corporation (ADC)

ซึ่งได้งานทั้งโครงการของรัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ เรียกได้ว่าในตอนนั้นเจ้าชายเจฟฟรี

ทรงใช้ชีวิตหรูหรา และฟุ่มเฟือยยิ่งกว่าพระเชษฐาเสียอีก

อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่ารายได้ส่วนใหญ่ของพระองค์นั้นมาจาก อุตสาหกรรมปิโตรเลียม และ น้ำมัน

สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงมีรายรับ $100 ดอลลาร์สหรัฐต่อวินาทีจากรายรับและการลงทุนน้ำมัน

ถึงอย่างนั้นก็ตาม มูลค่าทรัพย์สินของพระองค์ก็ยังมีความผันผวนอยู่มาก อันเนื่องมาจากสาเหตุหลายประการ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นที่มาของทรัพย์สินของพระองค์

ความมั่งคั่งของพระองค์ยังเผื่อแผ่ไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยครั้งหนึ่ง สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์

ทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อช่วยหนุนสกุลเงินและตลาดหุ้นในสิงคโปร์และมาเลเซีย ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจเอเชียในปี 1997-199

ทั้งนี้มีรายงานว่าพระองค์ทรงขๅยทรัพย์สินอย่างน้อย 300 ล้านดอลลาร์เพื่อให้เงินกู้แก่เพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นอกจากนี้พระองค์ยังสนับสนุนกิจกรรมของ Ollie North คดีอื้อฉาวของอิหร่าน ที่อเมริกา

โดนจับได้ว่าแอบขๅยอๅวุธให้อิหร่านไปก่อสงครามการบริหารงาน ในยุคของประธานาธิบดีสหรัฐเรแกนในช่วงทศวรรษ 1980

ด้วยการบริจาคเงินเป็นจำนวน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าพระองค์จะตกจากบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก แต่ในฐานะของกษัตริย์ Fobes

ได้จัดอันดับให้สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่ร่ำรวยที่สุดในลำดับที่ 4 ของโลก

ในปี 2008 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 20,000 หมื่นพันล้านดอลลาห์สหรัฐ -ขณะที่ปัจจุบัน

พระองค์ก็ยังทรงเป็น Top 3 กษัตริย์ที่มีพระราชทรัพย์มากที่สุดในโลกอีกด้วย

 

แหล่งที่มา : LIEKR / นิตยสารแพรว

เรียบเรียงโดย baansuann.com