“ครูปาล์ม” เปิดใจครั้งแรก หลังเรียกชื่อนักเรียนด้วยอาชีพในฝัน หวังสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก

วันนี้เราขอนำเสนอเรื่องราวดี ๆ ของครูท่านหนึ่ง ที่มีชาวเน็ตพูดถึงเป็นจำนวนมาก จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปครูโรงเรียนวัดบ้านนา คุณครูประจำชั้นของนักเรียนชั้น ป.3 ได้ทำคลิปการเรียนการสอน เช็กชื่อนักเรียนลงโลกโซเชียลเป็นที่ฮือฮามีคนเข้าดูกว่าล้านวิว

ในคาบเรียนทุก ๆ คาบ ทุก ๆ โรงเรียน ก็มักจะต้องมีการเช็กชื่อเด็กนักเรียนในห้อง ซึ่งส่วนใหญ่คุณครูก็จะใช้วิธีการเรียกชื่อให้เด็ก ๆ ยกมือขานรับ เป็นภาพที่เราเองก็คุ้นชิน เห็นกันเป็นปกติ

แต่วันนี้เรามีภาพการเช็คชื่อที่ดูไปยิ้มไป เพราะคุณครูเขามีไอเดียการเรียกเช็กชื่อนักเรียนตามอาชีพในฝัน ใช้คำนำหน้าของอาชีพเหล่านั้น

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Warayut Prasopsin ได้เผยคลิปวิดีโอ พร้อมระบุว่า “เช็คชื่อนักเรียน ตามอาชีพในฝันของเด็ก ๆ ค่ะ”

ต่อมาเราได้ลงพื้นที่ไปสอบถาม “นายวรายุทธ ประสพสิน” หรือครูปาล์ม คุณครูประจำชั้นประถมที่ 3 ของโรงเรียนวัดบ้านนา ต.บ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง

กำลังขานชื่อนักเรียนที่มาเรียนพิเศษ เนื่องจากโรงเรียนปิดในช่วงมาตรการป้องกัน จึงต้องเปิดสอนเสริมวันหยุด

การเช็ดชื่อนักเรียนครูจะสอบถามว่านักเรียนคนนั้นโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร อยากเป็นตำรวจก็เรียกยศ แล้วตามด้วยชื่อของนักเรียน

บางคนเป็นนายก บางคนเป็นอาจารย์ บางคนเป็นพระ บางคนเป็นทหาร เรียกเสียงฮือฮาในห้องเรียนได้มากเลยล่ะ

ที่น่าชมคือการเป็นแม่มดขี่ไม้กวาด และการเอาแบบเรียนยุคใหม่มาดัดแปลงการสอนให้นักเรียนสนใจในการเรียน

เป็นที่ชื่นชอบของนักเรียน ครูปาล์มคุณครูยุคใหม่ มีความคิดใหม่ ๆ ในการสอน

ครูได้บอกว่า “เราเรียนจบครูมา ก็เข้าสอนวิชาภาษาไทย มีความคิดว่าจะทำอย่างไรให้นักเรียน เรียนแบบสนุก เข้ากับยุคสมัยใหม่ จึงหาทางสอนแบบนี้ขึ้นมา

แล้วบันทึกลงโทรศัพท์ ลงโซเชียล ครั้งแรกไม่คิดว่าจะมีคนมาดู แต่กลับกันมีคนเข้ามาดูเป็นล้านวิว”

ด้าน ผอ.โรงเรียน กล่าวว่า “เป็นไอเดียที่ดีของคุณครูปาล์ม นักเรียนที่มีชื่อใหม่ ซึ่งเขาเองเมื่อโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร

ครูเอามารียกขานคำนำหน้าตามด้วยชื่อจริง เป็นการสอนแนวใหม่ นักเรียน ก็สนุกในการเรียน ความคิดใหม่ ๆ เป็นสิ่งที่ดี”

“ยุคใหม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ดี มีหลาย ๆ สิ่งที่ครูปาล์มนำเสนอให้แก่นักเรียน ในโรงเรียนมีนักเรียนทั้ง 175 คน อาคารเรียน สนามเล่นอุปกรณ์สนามเก่ามาก อยากขอกำลังสนับสนุนลานกีฬาให้นักเรียนเล่น”

แหล่งที่มา : เรื่องเล่าเช้านี้, Warayut Prasopsin

เรียบเรียงโดย baansuann.com