ศาลรับฟ้องคดี “ดร.เซปิง ไชยศาสน์” ฟ้องหมิ่น “หนุ่ม กรรชัย” เรียก 50 ล้านบาท

วันนี้เราจะมาติดตามกรณีของ หนุ่ม กรรชัย เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง คดี อ.1693/2562 ที่ ดร.เซปิง ไชยศาสน์ อายุ 47 ปี ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ เป็นโจทก์ยื่น ฟ้อง นายกรรชัย หรือ หนุ่ม กำเนิดพลอย พิธีกรทีวีรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3

นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน ทนายความ กับผู้เสียหายเหยื่อศัลยกรรม ที่มาออกรายการทั้งหมด 7 คน เป็นจำเลยฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยฟ้องเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 50 ล้านบาทด้วย

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2562 ระบุว่า โจทก์เป็นผู้ก่อตั้งโครงการเฟซออฟบายด็อกเตอร์เซปิง ให้คำปรึกษาด้านศัลยกรรม หากใครจะทำก็จะแนะนำให้ไปทำกับโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เมื่อวันที่ 4 เม.ย. 2562 รายการโหนกระแสทางสถานีโทรทัศน์ช่องสาม ออกอากาศรายการ ภาค 2 เฟซออฟเปลี่ยนหน้าคนเป็นหน้าผี

มีนายกรรชัย เป็นพิธีกร เชิญจำเลยอื่น ๆ มาร่วมรายการลักษณะพูดถามกันไปมามีการวางแผนใส่ความโจทก์ แม้ไม่ระบุชื่อโจทก์แต่ใช้เทคนิคตั้งชื่อหัวข้อรายการเพื่อเชื่อมโยงให้เข้าใจว่าเป็นโจทก์ กับยังเอาข่าวที่ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล แถลงข่าวมาอ้างอิงในรายการ โดยมีเจตนาให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ลงโทษฐานหมิ่นประมาท

อีกทั้งเมื่อมีข่าวและมีการออกอากาศรายการออกไป ทำให้แทบไม่มีคนมีใช้บริการโครงการ ดร.เซปิง หรือถูกยกเลิกนัดทั้งหมด ที่โจทก์วางแผนชีวิตทำธุรกิจ และจะลงสมัคร ส.ส. แต่ชื่อเสียงต้องมาจบสิ้น จึงฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท

ในวันนี้ ดร.เซปิง โจทก์พร้อมทนายความมาศาล ส่วนฝ่ายจำเลยมีทนายความและผู้รับมอบฉันทะ มาร่วมฟังคำสั่งในชั้นไต่สวนมูล

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว โจทก์เบิกความว่า จำเลยทั้ง 7 คนได้ร่วมกันใส่ความหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณา จากการร่วมกันพูดออกรายการ “โหนกระแส” ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 โดยนายกรรชัย จำเลยที่ 1 นำภาพวิดีโอการแถลงข่าวของเจ้าพนักงานตำรวจมาประกอบและอธิบายในรายการ

ซึ่งมีทั้งชื่อ นามสกุล และภาพของโจทก์ในผังเชื่อมโยงที่เจ้าพนักงานตำรวจจัดทำขึ้น และเป็นภาพและเสียงที่ปรากฏอยู่ในสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย ที่มีการระบุชื่อโจทก์อย่างชัดเจนในการแถลงข่าวดังกล่าว มีจำเลยหลายคนไปร่วมและมอบดอกไม้ด้วย ทั้งนี้จำเลยทั้ง 7 คน มีเจตนาที่จะสื่อให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจและทราบว่าบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในรายการ

คือ ตัวโจทก์ โดยมีเจตนาใส่ความ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง โดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ซึ่งในชั้นนี้การถามค้านของจำเลยทั้ง 7 คน ยังไม่เพียงพอที่จะนำมาหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ได้ เห็นว่าคดีของโจทก์มีมูลและให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา และนัดตรวจพยานหลักฐาน สอบคำให้การเพื่อกำหนดนัดสืบพยานในวันที่ 16 พ.ย.นี้ เวลา 09.00 น.

ภายหลังศาลรับฟ้อง ดร.เซปิง ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ศาลมีคำสั่งว่าคดีมีมูลความผิดตามที่ยื่นฟ้องไป เพราะที่ผ่านมา ตนเองได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียทั้งชื่อเสียงและ ด้านธุรกิจ มูลค่าหลายร้อยล้านบาท

ด้านนายจำนง ไชยมงคล ทนายความ ระบุว่า หลังจากนี้ศาลอาญาจะนัดสอบคำให้การจำเลย โดยจะส่งหมายศาลภายใน 7 วันหลังจากนี้ ส่วนเรื่องพยานหลักฐานที่ฝั่งทนายจำเลยจะนำมาต่อสู้คดี ประเด็นเรื่องการฉ้อโกง ส่วนนี้ตนเองไม่มีความกังวลเนื่องจาก ดร.เซปิง ไม่ได้ฉ้อโกงตามที่อีกฝ่ายกล่าวอ้าง

ประกอบกับมีบางคดีที่จำเลยเคยไปฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อศาลแพ่ง ซึ่งศาลแพ่งให้ยกฟ้อง ด้านนายพสิษฐ์ เลิศสินเจริญกุล ทนายความจำเลย เปิดเผยว่า ศาลได้ตรวจพยานหลักฐานเบื้องต้น เห็นว่าคดีมีมูลจึงรับฟ้อง และนัดสอบคำให้การในวันที่ 16 พ.ย. 63 นี้

นอกจากนี้ศาลจะได้ออกหมายเรียกจำเลยทั้ง 7 คน มาสอบคำให้การต่อไป สำหรับการต่อสู้คดีนั้น ตนเองยืนยันว่ามีหลักฐานที่เตรียมไว้จำนวนมาก เนื่องจากมีผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความไว้แล้วที่สน.ลุมพินี ซึ่งคดีนั้นก็เป็นคดีที่ศาลเห็นว่ามีมูลและรับคำฟ้องไว้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม นายพสิษฐ์ ยอมรับว่า ยังมีเรื่องที่น่าเป็นกังวลอยู่ คือเรื่องที่มีผู้เสียหายที่เป็นจำเลยคดีนี้หลายรายพำนักอยู่ต่างประเทศ จึงเกรงว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะขณะนี้มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

แหล่งที่มา: dailyliveexpress

เรียบเรียงโดย baansuann.com